จากเหตุการณ์ นักมวยเด็ก “เพชรมงคล ป.พีรภัทร” วัย 13 ปี เสียชีวิตจากอาการเลือดคลั่งในสมอง หลังขึ้นสังเวียนชกกับ “ฟ้าใหม่ ส.พระนคร” เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเพชรมงคลถูกหมัดจากนักมวยคู่ต่อสู้ชกเข้าใส่จนสลบและต่อมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลนั้น โดยล่าสุด ได้มีการพยายามผลักดันแก้ไข ร่าง พ.ร.บ.กีฬามวย พ.ศ.2542 ในการ “ห้าม” เด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ขึ้นชกเพื่อป้องกันอันตรายทางร่างกายที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งในวงการมวยส่วนใหญ่ต่างก็ออกมาคัดค้านกับประเด็นนี้ เพราะมองว่า “กระดูกมวย” หรือประสบการณ์และความเจนสังเวียนคือสิ่งสำคัญที่สุดในการชกมวย หากมีการจำกัดอายุในการขึ้นต่อยจะไม่สามารถสร้างนักมวยที่แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจได้ เช่นอย่าง “สมรักษ์ คำสิงห์” ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก ที่เคยชกมวยไทยในชื่อ  “พิมพ์อรัญเล็ก ศิษย์อรัญ” ได้แสดงความเห็นว่าไม่ควรจำกัดอายุในการขึ้นชก กรณีที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นอุบัติเหตุ น้อยมากที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พ.ร.บ.กีฬามวยฉบับเดิมนั้นดีอยู่แล้ว แต่ที่ต้องทำคือบังคับใช้ให้จริงจัง อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม คลิก แต่เหตุผลคัดค้านการแก้ พ.ร.บ.ดังกล่าวนั้น ได้สวนทางกับวงการแพทย์ เพราะถือได้ว่าความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง โดย ศ.พญ.จิราพร เหล่าธรรมทัศน์ หัวหน้าศูนย์รังสีวินิจฉัยก้าวหน้าโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้เคยให้ข้อมูลไว้ในเวทีเสวนาหัวข้อ “ส่งเสริมกีฬามวยไทยเด็ก…ยุติมวยเด็กหาเงิน” เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2560 ตอนหนึ่งระบุว่า ปัจจุบันมีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีเข้ามาสู่วงการมวยไทยจำนวนมาก คาดว่าทั่วประเทศมีถึง 2-3 แสนคน โดยเด็กบางกลุ่มยึดมวยไทยเป็นอาชีพเพื่อผลตอบแทน จากการศึกษาพบว่าการชกมวยเด็ก 1 ยก เฉลี่ยแล้วเด็กจะถูกต่อยโดนศีรษะ 20-30 ครั้ง หรือเฉลี่ยแล้ว 60 ครั้งต่อการชก 1 รายการ และจากการศึกษาวิจัยผ่านระบบ MRI ตลอดกว่า 5 ปี พบว่าการชกมวยในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี มีผลต่อสมอง 4 เรื่องใหญ่ๆ ประกอบด้วย 1.มีเลือดออกในสมองจากการถูกชกหัว ทำให้มีธาตุเหล็กสะสมซึ่งเป็นสารพิษต่อเนื้อสมอง 2.เซลสมองและใยประสาทฉีกขาด และถูกทำลาย ทำให้สมองไม่สามารถสั่งการได้ตามปกติ 3.การทำงานด้านทักษะการใช้กล้ามเนื้อและมือด้านที่ไม่ถนัดของนักมวยเด็กดีกว่าเด็กทั่วไป เพราะผ่านการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง 4.การทำงานของสมองด้านความจำลดลง สามารถนำไปสู่อาการบกพร่องทางปัญญาหรือภาวะสมองเสื่อมได้ นอกจากนี้ จากผลวิจัยในสมองของเด็กที่ชกมวยมานานกว่า 2 ปี ยังพบว่าใยประสาทเสียหายฉีกขาด รวมถึงส่วนสมองด้านควบคุมอารมณ์ ควบคุมกล้ามเนื้อมีร่องรอยเสียหาย หากยิ่งชกมวยนานเท่าไรสมองก็จะเสียหายไปเรื่อยๆ ซึ่งผลวิจัยแสดงค่าอย่างชัดเจนยืนยันว่าเด็กที่ชกมวยคือกลุ่มเสี่ยงน่าเป็นห่วง อาจส่งผลให้เกิดโรคทางระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์ และพากินสัน (โรคสั่น) นี่เป็นเพียงมุมหนึ่งของประเด็นร้อนในวงการแพทย์และกีฬาบ้านเรา ณ เวลานี้ เชื่อว่าจะยังคงมีการถกเถียงแลกเปลี่ยนกันต่อไป แม้จะดูว่าคล้ายเป็นความขัดแย้ง แต่ทั้งสองฝ่ายล้วนหวังดีกับสังคมในมุมมองจากวงการที่ตนเองนั้นดำเนินชีวิตอยู่ ได้แต่หวังว่าข้อสรุปที่จะเกิดขึ้นสำหรับประเด็นนี้จะลงตัวและสมบูรณ์แบบที่สุดกับผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกส่วน   ข่าวที่เกี่ยวข้อง สมรักษ์ นำทีมออกคัดค้านการแก้กม.มวยฉบับใหม่ ถ้าไม่ชก ก็ไม่มีกิน เส้นขนาน “เด็ก” กับ “มวย”