เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ กลุ่มสามมิตรนำโดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร นำอดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส.การเมืองท้องถิ่น ประมาณ 60 คน มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) อาทิ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีตรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย นายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ พรรคเพื่อไทย นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน อดีตแกนนำนปช. นายจำลอง ครุฑขุนทด อดีตรมช.กระทรวงศึกษา พรรคเพื่อไทย เป็นต้น โดยมีหัวหน้าพรรคพปชร.และเลขาธิการพรรค ให้การต้อนรับอย่างคึกคัก   โดยนายสุริยะ ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีกระแสโจมตี ว่ากลุ่มสามมิตรรับใช้ทหารนั้น ตนขอชี้แจงว่าเป็นเราเป็นพลเรือน ไม่ได้อยู่ใต้การบังคับบัญชาของทหาร และการกลับมาเล่นการเมืองในรอบ 10 ปีนั้น เพราะมีคนมาทาบทาม โดยเป็นคนที่เราให้ความเคารพ และเคยทำการเมืองร่วมกันตั้งแต่สมัยอยู่พรรคไทยรักไทย(ทรท.) โดยมองว่าถ้าไม่มีพรรคการเมืองใหม่ ก็จะเป็นเพียงการต่อสู้ของ 2 พรรคการเมืองใหญ่เท่านั้นและหลังเลือกตั้ง ก็จะมีวิกฤติปัญหาทางการเมืองอีก ดังนั้น เราเห็นด้วยและออกมาทำในนามกลุ่มสามมิตร ยืนยันว่าเมื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้วก็จะไม่มีกลุ่มสามมิตรอีกต่อไป เราจะสลายกลุ่มสามมิตรในวันนี้เลย   เมื่อถามว่าทางกลุ่มพร้อมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกต่อใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ผู้บริหารจะเป็นคนตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ซึ่งต้องเลือกบุคคลที่มีความสามารถ มีวิสัยทัศน์ทุ่มเทเพื่อประเทศชาติ ส่วนชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็น1ใน 3 ที่จะเสนอเป็นนายกหรือไม่ นั้นก็ต้องถามผู้บริหารพรรค อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาพื้นที่ซับซ้อนของผู้สมัคร ส.ส.ที่มีปัญหากันก่อนหน้านี้นั้น ได้รับการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ตนขอชี้แจ้งเสียงวิจารณ์ที่บอกว่ากลุ่มสามมิตร เป็นนักการเมืองรุ่นเก่านั้น ส่วนตัวอยากให้มองพรรค พปชร.ว่ามาจากทุกกลุ่ม ซึ่งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ก็ถือว่าหน้าใหม่ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า การเมืองควรจะผสมกันในทุกส่วน คำว่ารุ่นใหม่นั้นไม่ใช่เป็นเรื่องของอายุ แต่อยู่ที่วิสัยทัศน์   ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า เชื่อว่ากลุ่มสามมิตรที่เข้าร่วมกับพรรค พปชร.มีโอกาส เป็น ส.ส.ได้ทั้งหมด เพราะพรรคมีความพร้อมและมีนโยบายที่ดี เชื่อว่าถ้าผู้สมัครมีความขยัน ก็มีโอกาสชนะเลือกตั้งสูง ไม่ใช่เฉพาะแค่กลุ่มสามิตร แต่ผู้สมัครในนามพรรค พปชร.ทั้งหมดมีโอกาสชนะเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคให้โอกาสทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นอดีต ส.ส.หรือนักการเมืองหน้าใหม่ และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ตนเห็นว่าพรรคนี้มีความพร้อมในหลายด้าน แต่ไม่อยากคาดการณ์ว่าจะได้ ส.ส.เท่าไหร่ เพราะจะเหมือนการคาดเดา ส่วนพรรค พปชร.จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้บริหาร ไม่เหมาะที่จะพยากรณ์ล่วงหน้า.   นายอนุชา นาคาศัย กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า ตนมั่นใจว่าหลังเลือกตั้งพปชร. จะได้จำนวนส.ส.ร้อยกว่า เนื่องจากนโยบายที่นำเสนอดีและตรงใจประชาชน และผู้สมัครของพรรคมีคุณภาพ รวมถึงมีอุดมการณ์ร่วมกันในการทำงานรับใช้ประชาชน อย่างไรก็ตามไม่กังวลว่าพปชร. จะถูกมองเป็นพรรคทหาร เพราะทุกอย่างผ่านการเลือกตั้ง และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน