อันตรายจริงหรือ!! แสงอัลตราไวโอเลตหรือแสงยูวี

by ThaiQuote, 29 ตุลาคม 2559

จากการศึกษาในสัตว์ การทดลองแสงเอจะเป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็ง แต่ถ้าแสงเอและแสงบีรวมกันก็จะทำให้เกิดมะเร็งได้เร็วมากดังนั้นนักวิจัยจึงสงสัยว่าในคนก็น่าจะเหมือนกัน นอกจากนี้ยังตั้งข้อสงสัยอีกว่าจะก่อให้เกิดมะเร็งไฝดำซึ่งเป็นมะเร็งที่ร้ายแรงที่สุดของผิวหนัง ที่รุกลามเร็วมาก หากขึ้นเพียงเม็ดเล็ก ๆ เท่าหัวไม้ขีด แสดงว่าเซลล์มะเร็งได้ลามไปยังส่วนอื่น ๆของอวัยวะแล้ว ชาวออสเตรเลียจะเป็นกันมากในปัจจุบันเพราะว่าพวกเขาชอบอาบแดด แต่บางคนอาจสงสัยว่าทำไมฝรั่งชอบอาบแดดคำตอบคือในบรรยากาศที่เย็น ๆ อุณหภูมิ 15-20 เซลเซียส ตากแดดอย่างไรก็ไม่ร้อน จึงตากแดดได้นาน

เม็ดสีที่ผิวหนังมีด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่เม็ดสีดำและเม็ดสีแดง ถามว่าจะช่วยอะไรเราได้บ้าง เม็ดสีแดงส่วนใหญ่จะพบในคนผิวขาว เม็ดสีดำจะมีจำนวนมากตามสีของผิวหนัง เช่นผิวดำแบบนิโกรจะมีเม็ดสีดำมากที่สุด ผิวคนเอเชียพอมีบ้าง และคนผิวขาวจะมีเม็ดสีดำน้อยมาก ชาวอเมริกาบางคนที่เป็นคนเผือกจะไม่มีเม็ดสีดำเลย แถมยังไม่พบว่าเป็นมะเร็งไฝดำเพราะร่างการขาดเม็ดสีดำในเซลล์สร้างสี เม็ดสีดำจะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนังได้ คนผิวดำหรือคนเอเชียไม่ชอบตากแดดจึงไม่ค่อยเป็น จะเห็นเป็นเพียงประปรายเท่านั้น

การใช้ครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการป้องกันการเกิดมะเร็ง กลไกการเกิดมะเร็งเกิดจากแสงเอคลื่นสั้นมีผลต่อดีเอ็นเอ โดยจะเริ่มให้เกิดอนุมูลอิสระและการผันแปรของเซลล์มีการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมี การเป็นมะเร็งอาจเป็นเพราะแสงเอทำให้จำนวนเซลล์ที่มีหน้าที่กำจัดเซลล์มะเร็งลดลง ครีมกันแดดโดยทั่วไปจะผสมแต่สารที่กันแต่แสงบีโดยมี SPF บอกไว้ แต่ไม่ได้กันแสงเอเมื่อทาผิวแล้วจะทำให้เราทนแดดได้นานกว่าก็จริงแต่กลับก่อให้เกิดการทำลายผิวทีละเล็กทีละน้อยจากแสงเอ ครีมกันแดดส่วนใหญ่ในตลาดยังไม่เห็นมีชนิดที่เขียนไว้ชัดเจนว่า กันแสงเอได้ หากมีจะต้องเขียนไว้ว่า UVA-PF 3 (-12)

ขณะที่ประโยชน์ของแสงเองก็มีเหมือนกัน เช่นช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ของผิวหนังด้วยการใช้ร่วมกับยาบางชนิด เช่นโซลาเรนใช้รักษาโรคสะเก็ดเงิน โรคภูมิแพ้บางชนิด โรคด่างขาว แต่ก็มีอีกหลายโรคที่เกิดจากแสงเอ เช่นโรคผื่นแพ้แสง ฝ้า ลมพิษจากแสงแดด ดังนั้นจึงต้องทาครีมกันแดดเพื่อช่วยในการป้องกัน รวมถึงการรักษาโรคแพ้แสงต่าง ๆ

ถึงตรงนี้เราคงทราบคำตอบแล้วว่าแสงอัลตร้าไวโอเลต เอ อันตรายหรือไม่ ดังนั้นเราควรป้องกันโดยใช้ครีมกันแดด ซึ่งผู้ผลิตมักจะสนใจใช้กันแต่แสงบีโดยใช้ SPF เป็นหลัก บางชนิดผสมสารกันแสงอัตราเอ แต่ทว่าคุณสมบัติของสารนั้นไม่คงตัว ทาไปไม่ถึงชั่วโมงก็สลายตัว ควรเลือกใช้ชนิดที่กันแสงเอ และไม่สลายตัว แต่คงเป็นการยากที่ผู้ใช้จะทราบว่าใช้ครีมกันแดดชนิดไหนจึงจะดี ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยเฉพาะ

ผู้ที่ต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม สอบถามได้ที่โทรศัพท์ 02-4223993 , 095-5415186 หรือเข้าไปดูได้ใน FB: www.facebook.com/thada.skinexpert


 โดย  นพ.ธาดา  เปี่ยมพงศ์สานต์
นายกสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณ