อาถรรพ์ข้าวพิฆาต

by ThaiQuote, 31 ตุลาคม 2559

ความเคลื่อนไหวของระดับราคาข้าวสำหรับปี2559/60 ควรจะทรงตัวอยู่ระดับที่ดี ตามหลักแห่งอุปสงค์-อุปทานจากเหตุปัจจัยอันเนื่องมาจากภัยแล้งซึ่งชาวนาถูกขอร้องให้เว้นวรรคการทำนาต่อเนื่องกันมายาวนานเกือบ 2 ปีเต็ม

ความตกต่ำของระดับราคาข้าวเปลือกตอนนี้จึงน่าเชื่อได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ผิดปกติแต่กระทรวงพาณิชย์ในฐานะหน่วยงานหลักในการดูแลความเคลื่อนไหวของระดับราคาสินค้าซึ่งหมายความรวมถึงระดับราคาข้าวเปลือกกลับพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าชี้แจงว่าเป็นเรื่องปกติโดยหยิบยกเอาปัจจัยการแข่งขันในตลาดส่งออกข้าวสารมาอธิบายสนับสนุน

สาระสำคัญที่กระทรวงพาณิชย์พร่ำวิเคราะห์เหตุแห่งความตกต่ำของราคาข้าวเปลือกคือการกล่าวอ้างถึงระดับราคาข้าวสารส่งออกที่ลดลงจาก 400- 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน มาเหลือเพียง 370-490 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน

เมื่อกระทรวงพาณิชย์สรุปเหตุผลรวบยอดว่าความตกต่ำของระดับราคาข้าวเปลือกมาจากปัญหาอุปสงค์มากกว่าอุปทานและการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงมากในตลาดค้าส่งออกข้าวทำให้ชุดความคิดของกระทรวงพาณิชย์ในการยกระดับราคาข้าวเปลือกออกมาในลักษณะของการผลักดันมาตรการเพื่อดูดซับปริมาณข้าวส่วนเกินออกจากตลาดด้วยวิธี ชะลอการขายไม่ว่าจะเป็นการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก การชดเชยอัตราดอกเบี้ยแก่โรงสีที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการกับรัฐบาล  การสนับสนุนให้กลุ่มวิสาหกิจเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรซื้อข้าวเปลือกจากสมาชิกมาเก็บรักษาไว้ในสต็อก

น่าสังเกตว่าชุดมาตรการรวมทั้งชุดความคิดจากกระทรวงพาณิชย์ดูจะเต็มไปด้วยความเลื่อนลอยขาดความเชื่อมโยงกับความจริงที่แทรกซึมอยู่ในกลไกการค้าข้าว

กระทรวงพาณิชย์อาจจะลืมหรือแกล้งทำเป็นลืมไปแล้วว่าหลายปีที่ผ่านมาภายใต้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกทุกเม็ดจากชาวนาโดยกำหนดราคารับจำนำไว้สูงลิ่วถึงตันละ 15,000 บาทไม่เพียงทำให้ชาวนาเสพติดการจำนำข้าวที่ระดับราคาสูงผิดธรรมชาติโดยไม่สนใจปรับปรุงพัฒนาคุณภาพข้าวเท่านั้นแต่ในขณะเดียวกันยังเป็นที่มาของเครือข่ายโรงสีซึ่งทำมาหากินเป็นล่ำเป็นสันอยู่กับโครงการรับจำนำข้าวที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดอีกทั้งยังผลักดันผู้ส่งออกข้าวไทยให้ต้องกระเสือกกระสนไปหากินด้วยการส่งออกข้าวแก่ประเทศเพื่อนบ้านและกลายเป็นคู่แข่งขันกับข้าวสารไทยไปโดยปริยาย

หนทางที่กระทรวงพาณิชย์ควรเร่งรัดดำเนินการโดยเร็วเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำไม่น่าจะเป็นชุดมาตรการที่นำไปสู่การเก็บสต็อกข้าวเปลือกซึ่งเป็นชุดมาตรการที่จะสร้างภาระแก่งบประมาณรายจ่ายประเทศและยังเป็นชุดมาตรการที่จะสร้างอุปสงค์เทียมซ้ำเติมข้าวสารที่คาค้างอยู่ในสต็อกอีกกว่าล้านตัน

สิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ต้องลงมือทำทันทีในการแก้ปัญหาความตกต่ำพร้อมๆไปกับการสร้างความเป็นธรรมแก่ราคาซื้อขายข้าวเปลือกน่าจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ประการ

ประการแรกคือสั่งการให้มือไม้ทั้งหมดในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ที่อยู่ในต่างประเทศครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของโลกไม่ว่าจะเป็นสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศหรือสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศรวมทั้งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกรมการค้าต่างประเทศทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งในการแสวงหาคำสั่งซื้อข้าวสารของประเทศไทย

ประการที่สองคือสั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศสำรวจข้อมูลเชิงลึกทั้งปริมาณพื้นที่ปลูกข้าว ปริมาณผลผลิตข้าวเปลือก ชนิดของข้าวเปลือกต้นทุนการผลิตข้าวเปลือกและราคาซื้อขายข้าวเปลือกในแต่ละพื้นที่

ประการที่สามคือสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าและตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทยร่วมกันพัฒนาระบบการกำหนดระดับราคากลางซื้อขายข้าวสารและข้าวเปลือกประจำวันสำหรับเป็นราคาอ้างอิงเพื่อสร้างความเป็นธรรมในการค้าข้าวในลักษณะคล้ายคลึงกับกรณีธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดอัตรากลางของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราหรือการกำหนดราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงหรือการกำหนดราคาซื้อขายทองคำประจำวัน

สรุปรวบยอดกระทรวงพาณิชย์ต้องระดมสรรพกำลังตะลุมบอนแก้โจทย์ราคาข้าวเปลือกตกต่ำอย่างจริงจังแบบถึงลูกถึงคน..ถึงแก่นปัญหาไม่ใช่อ้างขี้ปากเจ้าสัวส่งออกข้าวหรือเถ้าแก่โรงสีข้าว แล้วมาบอกต่อ!!!