ลุ้นลมหนาวเป็นใจ “ลิ้นจี่แม่กลอง” รอวันกลับมา

by ThaiQuote, 1 ธันวาคม 2561

แต่ในหย่อมพื้นที่หนึ่ง อากาศหนาวและอุณหภูมิที่ลดต่ำ กลับทำให้พวกเขาดูตื่นเต้นและตั้งตารอนับวันเวลาขอให้อากาศเช่นนี้อยู่ให้นานเป็นสัปดาห์ เพื่อที่ผลผลิตได้ติดดอกออกผล สร้างรายได้จำนวนไม่น้อยให้กับเกษตรกร นี่คือความหวังของเกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่พันธุ์ค่อม ลุ่มน้ำแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม กว่า 3-4 ปีมาแล้ว ผลผลิตของลิ้นจี่พันธุ์ค่อม จ.สมุทรสงคราม ไม่เคยออกสู่ตลาดให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสรับประทาน จนทำให้เกษตรกรผู้ปลูกต่างท้อใจ บางรายโค่นต้นลิ้นจี่ทิ้ง ก่อนปลูกส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ทดแทน ด้วยราคาที่กำลังไปได้ในตลาดผลไม้ Thaiqoute ได้มีโอกาสร่วมพูดคุยกับ คุณชัยยันต์ เจียมศิริ ประธานกลุ่มเครือข่ายสภาเกษตรกรจังหวัดสมุทรสงคราม จึงได้รับข้อมูลที่น่าสนใจว่า ในอดีตพื้นที่ของ จ.สมุทรสงคราม ทั้ง อ.บางคนที และ อ.อัมพวา มีพื้นที่เพาะปลูกลิ้นจี่เกือบประมาณ 20,000 ไร่ จนกระทั่งปัจจุบันเหลือเพียงประมาณ 5,700 ไร่ เนื่องจากกว่า 4 ปีมาแล้ว ที่ผลผลิตลิ้นจี่ จ.สมุทรสงคราม ไม่เคยออกสู่ตลาดเลย จนกระทั่งในปีนี้ “ที่ผ่านมาลิ้นจี่ที่เราเห็นขายอยู่ริมถนนเส้นพระราม 2 คือลิ้นจี่เหนือ ที่มาสวมรอยเป็นลิ้นจี่สมุทรสงคราม จนกระทั่งปีที่แล้ว เมื่อผลผลิตลิ้นจี่สมุทรสงครามออกสู่ตลาดกว่า 4,000 ตัน ทำให้จังหวัดขอความร่วมมือจากพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ริมถนนพระราม 2 เขตจ.สมุทรสงคราม ให้หยุดขายลิ้นจี่เหนือ และขายผลผลิตในพื้นที่แทน ส่วนที่นอกเหนือจากเขตพื้นที่แม่กลองก็ยังเป็นลิ้นจี่สวมรอยอยู่ ในอดีตลิ้นจี่ของเราอาจเป็นที่รู้จักเฉพาะในพื้นที่ แต่ขณะนี้เมื่อจังหวัดและหน่วยงานต่างๆ ได้ทำการประชาสัมพันธ์ ก็พบว่าทั่วประเทศรู้จักและมีความต้องการ” แต่วิกฤติของลิ้นจี่แม่กลองนั้นยังไม่หมดไป แม้เกษตรกรจะมีรายได้จากผลผลิตเมื่อเดือนเมษายนกว่า 400 ล้านบาท แต่ก็ยังต้องลุ้นกันต่อว่า ภายในช่วงเดือน พ.ย.-ม.ค.นี้ ลิ้นจี่จะติดดอกหรือไม่ เนื่องจากภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง รองลงมาคือความรู้เรื่องเทคโนโลยีและผลงานวิจัยที่ยังไม่แพร่หลายในหมู่เกษตรกรทั่วไป “ถามว่าทำไมลิ้นจี่จึงมีผลผลิตออกมาสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร เมื่อเดือนเมษายน 61 ต้องบอกว่าเพราะเครือข่ายเกษตรกรได้รวมตัวกันศึกษาและทำงานวิจัยร่วมกับ ม.เกษตรศาสตร์ และคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 59 ด้วยเทคโนโลยีของการควั่นกิ่ง แต่เหนืออื่นใดปัจจัยเรื่องของสภาพอากาศยังคงมีผลสำคัญที่สุด หากอากาศของแม่กลองเย็นลง มีอุณภูมิประมาณ 19-20 กว่าองศาฯ ประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะทำให้ลิ้นจี่ออกดอก แต่จะต้องขึ้นอยู่กับการดูแลต้นลิ้นจี่ด้วย ต้องสังเกตว่าหากต้นลิ้นจี่แตกใบอ่อนไปแล้ว 3 รอบ อากาศเย็นพอดีลิ้นจี่จะให้ผลผลิตได้ แต่ถ้าแตกใบอ่อนรอบที่ 4 ก็ถือว่าไม่สำเร็จ และระหว่างออกดอก หากฝนตกชะดอกลิ้นจี่ ผลผลิตที่ได้ก็จะน้อยลงอีก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าลิ้นจี่จะออกผลผลิตได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไร” ดังนั้น ต่อจากนี้ก็คงจะต้องลุ้นว่าอากาศหนาวในขณะนี้จะอยู่ทันพอให้ลิ้นจี่ได้ปรับตัวและออกดอกหรือไม่ ขณะเดียวกันเครือข่ายเหล่านี้จะลงพื้นที่เพื่อสร้างองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรสวนลิ้นจี่ ผ่านศูนย์วิจัยชุมชน “สวนลิ้นจี่ 200 ปี” ด้านเทคโนโลยีการควั่นกิ่งและการดูแลรักษาต้นลิ้นจี่ เหนือสิ่งอื่นใดคือการสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับเกษตรกรสวนลิ้นจี่ เพื่อการอนุรักษ์ต้นลิ้นจี่พันธุ์ค่อม สินค้า GI เฉพาะถิ่นเอาไว้ เบื้องต้น คุณชัยยันต์ได้กล่าวกับเราถึงแนวทางการพัฒนาพื้นที่สู่การท่องเที่ยวชุมชน ด้วยการนำเอาวัฒนธรรมเข้ามาผสมผสานกับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ซึ่งน่าจะเป็นอีกหนึ่งทางออกการสร้างรายได้มากกว่าจะเป็นการคอยฟ้าคอยฝนเพียงอย่างเดียวเช่นที่ผ่านมา ข่าวที่เกี่ยวข้อง ดัน “ส้มบางมด -ลิ้นจี่บางขุนเทียน” จดจีไอ  ลุ้น ! ขึ้นทะเบียน “ส้มบางมด-ลิ้นจี่บางขุนเทียน”สินค้าจีไอ