นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมว่า จากการประชุมผู้บริหารติดตามมาตรการเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs และภาคเอกชน รวมถึงประชาชน ในปีที่ผ่านมารวมถึงโครงการที่จะดำเนินการต่อเนื่องในปีนี้หน้านั้น โดยมีเป้าหมายตามแผนงานที่ชัดเจนของกระทรวงฯ ซึ่งเป็นผลงานต่อเนื่องที่แต่ละหน่วยงานจัดทำขึ้น และสามารถจัดทำเป็นมาตรการให้กับประชาชนในช่วงปีใหม่นี้ได้ ซึ่งมีความเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ สามารถจำแนกเป็นมาตรการต่างๆคือ 1.มาตรการลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ แบ่งเป็น 1.1. การสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชน ในรูปแบบกองหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปทั่วไทย วงเงิน 250 ล้านบาท โดยจะมีการปรับลดดอกเบี้ยจากร้อยละ 6 เหลือร้อยละ 4 ในวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อราย ผ่านช่องทางโครงการหมู่บ้าน CIV และศูนย์ ITC เพื่อลดทุนการค้าขายในกับวิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ SMEs รายย่อย โดยผู้ประบกอบการที่ยื่นกู้วงเงินขั้นต่ำกว่า 200,000 บาท สามารถใช้ตนเองเป็นผู้ค้ำประกันได้ สามารถทราบผลในเวลา 6 วัน จากเดิมที่จะทราบผลในเวลา 45 วัน 1.2. ส่งเสริมการพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์ มอก.S โดยดำเนินการมอบคูปองให้กับผู้ประกอบการที่มายื่นขอรับรองรายละ 30,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการยื่นขอรับรองมาตรฐาน มอก.S 2.มาตรการยกระดับพัฒนาผู้ประกอบการและชุมชนเชิงพื้นที่ โดย 2.1.จัดทำแอพพลิเคชั่น สินค้าอุตสาหกรรมชุมชน ภายใต้ชื่อ “77 จังหวัดมีดีมาโชว์” ซึ่งกระทรวงจะประสานกับ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ในเรื่องของมาตรการสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียน และช่องทางการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) รวมทั้งบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ โดยคัดเลือกสินค้าจำนวนกว่า 240 ผลิตภัณฑ์จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกว่า 240 กลุ่ม 3,300 ร้านค้า โดยจะเปิดตัวในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ ภายในงาน OTOP City Happy Market 2018 “ตลาดแห่งความสุข” ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี 2.2. การเปิดศูนย์ Mini ITC เพื่อให้บริการให้คำปรึกษาแนะนะองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีกับผู้ประบกอบการ ซึ่งตั้งเป้าในปีหน้าจะเปิดครบทั้ง 77 จังหวัด บวกกับศูนย์ ITC ประจำภาคอีก 13 ศูนย์ รวมทั้งศูนย์ ITC ประจำนิคมอุตสาหกรรมอีกประมาณ 40 แห่งซึ่งจะเสร็จเปิดให้บริการได้ในปีหน้าเช่นกัน 2.3 ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ เพื่อช่วยในการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนต่อเนื่องภายในประเทศ นายอุตตม กล่าวอีกว่า 3.มาตรการดูแลเกษตรกร แรงงาน และประชาชนทั่วประเทศ ได้แก่ 3.1.โครงการ “เหมืองแร่ปลอดภัย ห่วงใยประชาชน” เป็นการดูแลสุขภาพความปลอดภัยของประชาชนในชุมชนรอบพื้นที่เหมืองจำนวน 30,000 ราย 3.2. โครงการ “กนอ.สานฝัน ปั้นอาชีพ” ของ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) โดยมีเป้าหมายส่งเสริมอาชีพให้กับแรงงานวัยเกษียณ ซึ่งคาดว่ามีอยู่ประมาณ ร้อยละ 1-2 ของจำนวนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมกว่า 4 แสนคน ผ่านการอบรมสร้างอาชีพ จำนวน 10 กลุ่มอาชีพ และการสร้างธุรกิจผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยตั้งเป้าจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการปีละ 1,000 คน รวม 3,000 คน ร่วมกับภาคเอกชนในการช่วยเหลือชุมชนโดยรอบพื้นที่ 4.มาตรการอำนวยความสะดวกและลดภาระผู้ประกอบการ ผ่านมาตรการดังนี้คือ 4.1 ยกเลิกการต่ออายุใบอนุญาตโรงงาน (รง.4) โดยร่วมหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้าไปชี้แจงขับเคลื่อนในพื้นที่ซึ่งสามารถเริ่มต้นโดยเลยทันที 4.2 การชำระค่าบริการของหน่วยงานในกระทรวงฯทั้งหมดผ่านระบบ E-Payment ได้ทั้งระบบเริ่มต้นในปีหน้านี้ 4.3 การสร้างระบบฐานข้อมูล Big Data ที่เรียกว่า I-Industry ซึ่งจะรวมฐานข้อมูลภาคอุตสาหกรรมทั้งหมดของประเทศ รายละเอียดโรงงานทั้งหมด 12,000 แห่งทั่วประเทศ และการเชื่อมโยงกับข้อมูลระบบสาธารณูปโภคทั่วประเทศ เพื่อใมห้สามารถใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์เชิงนโบบาย ซึ่งจะพร้อมใช้งานได้ในปีหน้านี้ "อย่างไรก็ตามนโยบาบายและมาตรการที่กระทรวงฯ มอบเป็นของขวัญให้กับประชาชนนั้น จะต้องทำให้สามารถจับต้องได้และเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน" รมว.อุตสาหกรรม กล่าว https://www.youtube.com/watch?v=oswIJ96qqjU&feature=youtu.be