‘สุเทพ’ไร้ปัญหาปมโลโก้พรรคบัตรเลือกตั้ง ขอ กกต. จัดการแบบสุจริต

by ThaiQuote, 11 ธันวาคม 2561

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ก่อตั้งพรรค  และ ในฐานะประธานคณะทำงาน เดินรณรงค์เชิญชวนประชาชนเป็นสมาชิกพรรค  ให้สัมภาษณ์หลังปฎิบัติการเดินคารวะแผ่นดิน วันที่40ของพรรคฯ กรณีที่ที่มีข่าวให้ ตัดโลโก้และชื่อพรรคในบัตรเลือกตั้งว่า สำหรับพรรครวมพลังประชาชาติไทย เราไม่ติดกับเรื่องนี้เลย เขาจะกำหนดกติกามาอย่างไรเราก็ปฏิบัติได้ข้อสำคัญคือ  กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม อันนั้นสำคัญที่สุดเรื่องมีโลกโก้พรรคหรือไม่ไม่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพวกเรา กติกามาอย่างไรทุกคนต้องปฏิบัติไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ จริงแล้วประชาชนสมัยนี้ ท่านเลือกผู้แทนเป็น ท่านเข้าใจใส่ชื่อตราหรือไม่ไม่เป็นปัญหามีวิธีที่ทำได้ไม่ติดใจ แต่ติดใจว่า กกต. ต้องเอาจริงเอาจังอย่าให้มีการทุจริต การเลือกตั้งอยู่ให้มีการซื้อสิทธิขายเสียง อย่าให้มีการใช้อิทธิพลเข้าไปกดดัน ทำให้การเลือกตั้งเบี่ยงเบนไปจากสภาพที่สมควรจะเป็น  ในระบอบประชาธิปไตย อันนั้นสำคัญกว่า

          เมื่อถาม เสียงตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง นายสุเทพ กล่าวว่าของผมเสียงตอบรับดี พี่น้องประชาชนคนไทยที่ไปพบมาเกินครึ่งประเทศมีความคิดอย่างเดียวกับที่พวกผมที่เป็น ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย( รปช.) คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องมีพรรคการเมืองที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ประชาชนเป็นเจ้าของจริงๆ ถ้าเรามีพรรคการเมืองอย่างนี้ ประชาชนก็จะได้อาศัยพรรคการเมืองนี้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้ ในการทำงานการเมืองเพื่อเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ

           ส่วนในเรื่องความมั่นใจที่มีต่อพรรคนั้นอยู่ที่พี่น้องประชาชน ตนเป็นเพียงตัวประกอบคนสำคัญในการตัดสินการเลือกตั้งครั้งนี้ อยู่ที่พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนหลายคนตัดสินใจแล้วว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เขาจะไปเลือกใคร พรรคไหน ตนเพียงแต่ว่ามาทำหน้าที่กราบคารวะพี่น้องประชาชนตามโครงการกราบคารวะแผ่นดินที่กำหนดขึ้นข้อสำคัญตนได้ฟังแผ่นดิน ฟังความทุกข์ของประชาชน จะได้นำไปเรียนกีบคณะกรรมการนโยบายพรรครปช.ให้เขาเขียนนโยบาย แก้ไขปัญหาของประชาชนให้ได้ผลมากกว่า

ส่วนกรณีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมาขอขมาที่ได้กล่าวหามีส่วนทุจริตสร้างโรงพักตำรวจ ว่า ตนไม่ได้ดูเพราะตนต้องเดินทุกวันเมื่อวานก็เดินที่ลพบุรี ได้เห็นแต่ข่าว  และต้องเรียนว่ามีผู้ใหญ่ที่ตนเคารพได้ติดต่อมาจะขอให้นายธาริต นำธูปเทียนมาขอขมาตน  ซึ่งตนได้บอกไปว่า ไม่ต้องการพบนายธาริต เพราะเห็นว่านายธาริตได้กระทำการผิดวิสัย ของผู้ผดุงความยุติธรรม คือที่มีหน้าที่ดูแลกระบวนการยุติธรรม แต่กลับตั้งใจทำผิดเอง เพื่อสอพลอผู้มีอำนาจ จึงคิดว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะอภัย และเป็นเรื่องที่สังคมไม่ควรอภัย สังคมต้องไม่ให้มีคนแบบนี้  แต่บังเอิญ ผู้ใหญ่ที่ติดต่อมา ตนเคยพึ่งพาท่าน ตอนเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และที่ไปก็เป็นเรื่องส่วนร่วม ก็บอกไปว่าต้องปรึกษาทีมทนายความของตนก่อน ทนายความก็ประชุมกันและสรุปได้ว่าคดีความที่มีอยู่กับนายธาริต  ไม่ใช่กรณีนี้กรณีเดียว แต่นายธาริตได้เล่นงานภาคประชาชนที่เกี่ยวข้องกับตนหรือใกล้ชิดกับตนทุกฝ่ายอย่างแสนสาหัส  ตั้งแต่ปี 2552 ปี 2553 ปี 2556 และปี /ถ57 นายธาริต เข้าไปวุ่นวายมากใช้อำนาจหน้าที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนดังกล่าว

          “ การที่คุณธาริต  ขึ้นไปเบิกความแต่ละคดี ให้การไม่ตรงกับความเป็นจริง  ให้การเพื่อเอาใจอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ดังนั้น บรรดาทนายความ ที่เป็นที่ปรึกษาให้ผมทำงานให้ประชาชน เขายืนยันว่ากรณีนี้ ผมไม่ควรยอมความให้นายธาริต เพราะไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวของผม  แต่เป็นเรื่องนายธาริตกับประชาชนด้วย ซึ่งผมก็ฟังที่ปรึกษาทางกฎหมาย และทนายความผมอยู่  เพราะคดีความทั้งหมด ทีมทนายผมเป็นคนทำ และผมตัดสินใจว่า ผมคงไม่ยอมความในคดีดังกล่าว ส่วนที่ นายธาริต จะขอขมาเพื่อสร้างเป็น ข้ออ้างอิงต่อศาล เป็นสิทธิ์ของนายธาริต ที่จะทำอะไรก็ได้เพื่อเอาตัวรอดไม่ให้ตัวเองติดคุก  แต่ ผมไม่สามารถคิดเฉพาะเรื่องตัวเองได้  เพราะวันนี้ทำงานให้ประชาชน ต้องคิดถึงความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศเป็นสำคัญ” นายสุเทพ กล่าว