เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. เฟซบุ๊กแฟนเพจ “ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” โพสต์ข้อความระบุว่า นายดำรัส โพธิ์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 รายงานเข้ามาว่า กลุ่มนักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญ ทั้งชาวไทย และต่างประเทศ ต่างแสดงความดีใจอย่างมากหลังสำรวจพบฉลามเสือดาว สัตว์ทะเลหายาก กลับมาอาศัยหากินอยู่บริเวณ ด้านทิศตะวันออก ของเกาะ 7 หรือเกาะ ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน โดยฉลามที่พบเป็นคู่ 2 ตัว เพศผู้ และเพศเมียท่าทีเป็นมิตรกับนักดำน้ำ และว่ายเข้ามาให้กลุ่มนักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญ ที่เดินทางไปสำรวจความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อมใต้น้ำ รวมถึงแนวปะการังที่เคยได้รับความเสียหายจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก นางสาว Amelie Wiktmann (เอมเมลลี วิกมันน์) อาสาสมัครชาวเยอรมัน เปิดเผยว่า รู้สึกมีความสุข และตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ที่ได้มาร่วมปฏิบัติการดำน้ำสำรวจ และเก็บข้อมูลต่างๆ บริเวณหมู่เกาะสิมิลัน เป็นครั้งแรกที่ได้พบสิ่งมีชีวิตใต้น้ำทางทะเลที่หลากหลาย ส่วนตัวคิดว่าเป็นความมหัศจรรย์ของทะเลอันดามัน บริเวณหมู่เกาะสิมิลันอย่างมาก ทำให้เกิดความประทับใจต่อแหล่งดำน้ำของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันอย่างมาก โดยเฉพาะจุดดำน้ำที่เกาะ 7 หรือเกาะปายู เกาะ 8 หรือเกาะสิมิลัน รวมทั้งอ่าวนำชัย และอ่าวคนแก่ บริเวณเกาะ 9 หรือเกาะบางู ซึ่งทุกจุดล้วนมีความสวยงาม มหัศจรรย์ที่แตกต่างกันไป นางสาวอลิษา ทานัชฌาสัย อาสาสมัคร เปิดเผยว่า จากการสำรวจเบื้องต้นรู้สึกดีใจมากที่พบการฟื้นตัวของแนวปะการัง ปะการังอ่อน กัลปังหา ที่สมบูรณ์มาก ทั้งนี้ ยังพบว่ามีสัตว์ทะเลหายาก เช่นฉลามเสือดาว กลับเข้ามาอาศัยหากินอยู่บริเวณหมู่เกาะสิมิลัน หลังจากที่ไม่มีการพบฉลามเสือดาวบริเวณจังหวัดพังงา นานกว่า 5 ปีมาแล้ว ขณะที่มีปลาหลากหลาย รวมถึงสัตว์ทะเลอื่นๆ ชุกชุมเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่มีใครไปรบกวน ไม่มีร่องรอยการแตกหักของปะการัง ทุกอย่างลงตัวสวยงาม เหมาะกับการท่องเที่ยวดำน้ำเป็นอย่างมาก นายพงศ์ธีระ บัวเพชร นักวิชาการ ประจำคณะเทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตภูเก็ต เปิดเผยว่า การพบฉลามเสือดาวซึ่งเป็นสัตว์ทะเลหายาก บริเวณหมู่เกาะสิมิลัน เป็นข้อบ่งชี้ให้เห็นว่า ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เกิดความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีการบริหารจัดการที่ดี พัฒนาไปในทิศทางที่เหมาะสม เกื้อกูลต่อสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรสัตว์น้ำ เช่น มาตรการลดจำนวนนักท่องเที่ยว มาตรการลดและควบคุมขยะ ทำให้เชื่อได้ว่าในอนาคต หากมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ หมู่เกาะสิมิลันจะกลับมาสวยงาม อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เหมือนกับเมื่อ 20 ปีก่อน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา เคยเป็นแหล่งท่องเที่ยว ดำน้ำลึกที่สวยงามติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ปัจจุบัน ก็ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นที่นิยม และรู้จักกันอย่างกว้างขวางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเป็นจำนวนมาก จนทำให้ทางราชการต้องประกาศกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ให้เกิน 3,850 ต่อวัน ในจำนวนนี้รวมนักท่องเที่ยวดำน้ำลึกไว้ด้วย 525 คนต่อวัน ภาพและข้อมูลจาก FB : ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ข่าวที่เกี่ยวข้อง ธรรมชาติฟื้นคืน “เต่ามะเฟือง” วางไข่ชายหาดเขาหลักในรอบหลายสิบปี