"สมคิด”รับเศรษฐกิจ ’62 อึมครึม หวังรบ.ใหม่เดินหน้าให้โลกเห็น 

by ThaiQuote, 7 มกราคม 2562

นายสมคิดจาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในงาน  Thailand Economic Challenges 2019 ว่า สถานการณ์ต่างๆ ในปี 2562 ค่อนข้างมีความอึมครึม และชี้ชัดได้ยากว่าเศรษฐกิจของประเทศจะไปในทิศทางใด เนื่องจากมีปัจจัยจากต่างประเทศที่เราไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะกับนโยบายของสหรัฐอเมริกาที่มีความไม่แน่นอนและจะได้รับผลกระทบตามาด้วย นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยภายในประเทศที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นด้วย 

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในกลางปี 2562 น่าจะมีความชัดเจนว่ารัฐบาลชุดใหม่จะมีนโยบายออกมาในทิศทางใด และจะมีการสานต่อนโยบายของรัฐบาลชุดเดิมหรือไม่ 

“มันอึมครึม เหมือนเราเจอ 2 เด้ง อันดับแรกคือปัจจัยจากต่างประเทศที่เราก็ต้องพร้อมรับมือเพราะมีผลต่อเศรษฐกิจเช่นกัน และสองคือประเทศไทยจะมีการเลือกตั้ง แต่จะมีการสานต่อนโยบายหรือไม่ก็ยากจะบอกเพราะใจเขาใจเรา แต่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศก็จับตาดูสถานการณ์ในปีนี้ ส่วนจะดีหรือไม่ดีก็เป็นหน้าที่รัฐบาลชุดต่อไปจะจัดการ ส่วนรัฐบาลชุดปัจจุบันคือประคองเศรษฐกิจให้ดี โลกทรุดเราต้องไม่ทรุดตาม” นายสมคิด กล่าว 

นายสมคิด กล่าวอีกว่า แต่ในส่วนประเทศจีนและญี่ปุ่นยังมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุน ละเป็นคู่ค้าที่สำคัญในตลาดอาเซียน นักธุรกิจจากจีน ญี่ปุ่นและฮ่องกง ยังมีความสนใจใช้ไทยเป็นฐานในการขยายตลาดไปสู่กลุ่ม CLMV แต่หากไทยมัวแต่ทะเลาะกัน เวียดนาม หรือมาเลเซียอาจจะแซงไทยได้ สิ่งสำคัญคือ เราต้องทำให้ตัวเราเองมีจุดเด่นสูงสุด ด้วยการปฏิรูปประเทศ ช่วยกันเปลี่ยนแปลงประเทศแม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ทุกคนช่วยกัน ทั้งในเรื่องการปฏิรูปภาคเกษตร ส่งเสริมการผลิตให้เชื่อมโยงกับตลาด ส่งเสริมให้เกิดการแปรรูปสินค้าเกษตร และทำการค้าผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ

"จีดีพีปี 2561 ขึ้นกับผลประกอบการของเดือนธันวาคมที่ผ่านมาด้วย ถ้าเบิกจ่ายได้ดี ก็น่าจะไปถึง 4.2% แต่ถ้าไม่ดี ก็อาจจะลดลงมาเล็กน้อย แต่คาดว่าจะโตได้ 4-4.2% แน่นอน เพราะการลงทุนก็ทะลุเป้า โดยเฉพาะใน EEC ที่โตถึง 100% นอกจากนี้ การท่องเที่ยวในประเทศยังฟื้นได้ดี โดยเฉพาะในจังหวัดสำคัญๆต่าง อีกทั้งสินค้าเกษตรราคากระเตื้องขึ้นบ้าง อย่างไรก็ตาม หากจีดีพีโตได้ถึง 4% ถือว่าดีมาก และในอนาคตจะมีกลุ่มคนรากหย้าที่จะต้องได้รับการดูแลอย่างจริงจังในอนาคต” 

นายสมคิด กล่าวอีกว่า ในช่วงเวลาที่เหลือ จะเร่งผลักดันโครงการสำคัญๆให้หมด ทั้งการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เมืองการบิน การพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง และมาบตาพุด รวมถึงผลักดันการเชื่อมต่อทางเศรษฐกิจในภาคใต้จากฝั่งอันดามันสู่อ่าวไทย ส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย และสร้างสตาร์ทอัพใหม่ๆ รวมถึงส่งเสริมด้านดิจิทัล ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลนี้รวมถึงรัฐบาลที่ต้องสร้างดิจิทัลอิโคโนมี ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะมีการเลือกตั้งอย่างแน่นอนในปี 2562 และแม้จะมีการวิเคราะห์ว่าหลังการเลือกตั้งจะได้รัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพเพราะเป็นรัฐบาลผสม บ้างก็ว่ามีการต่อรองตำแหน่งทางการเมือง ทำให้ประเทศเดินหน้าลำบาก แต่ประเทศไทยไม่มีเวลามารออะไรอีกแล้ว เพราะทุกคนต้องช่วยกันทำให้ประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง และให้สอดรับกับการวิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจโลกที่เชื่อว่าครึ่งปีหลังของปี 2562 จะคลี่คลายสถานการณ์ และจะตอกย้ำให้ต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นกับรัฐบาลใหม่มากขึ้น 

“ต้องพิสูจน์กันให้เห็นว่ารัฐบาลผสมที่จะเกิดขึ้นน้ัน หากเกิดขึ้นจริงก็ต้องสามารถพาประเทศไปข้างหน้าได้ต่อไปและยั่งยืน ผมไม่รู้หรอกว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล แต่ก็ฝากไว้ให้ทุกพรรคการเมืองได้ร่วมกันทำให้โลกเห็นว่าไทยก็มีเอกภาพ เป็นรัฐบาลผสมก็ทำเพื่อชาติให้เกิดความยั่งยืน” นายสมคิด กล่าว