ข้อคิดชีวิต “สุมาอี้”

by ThaiQuote, 8 มกราคม 2562

แต่ในระหว่างบรรทัดชื่อของชายคนหนึ่ง โดดเด่นขึ้นมาอย่างเงียบเฉียบ และเป็นขั้นเป็นตอน นามนั้นคือ สุมาอี้ .... สุมาอี้ เป็นชาวอำเภออุน เมืองเหอเน่ย มณฑลเหอหนาน เกิดในปีพ.ศ. 722 และถึงแก่กรรมในปีพ.ศ. 794 สิริรวมอายุ 73 ปี  ในแวดวงแห่งอำนาจที่เริ่มคุกรุ่นช่วงปลายยุคราชวงศ์ฮั่น ขั้วอำนาจใหม่ โจโฉ เล่า ปี่ ซุนกวน  ต่างเคี่ยวกร่ำชิงแผ่นดิน ภาพจาก three kingdom 2010 สุมาอี้หนุ่ม ยังเร้นหลบราชการ ปฏิเสธคำเชิญจากโจโฉหลายต่อหลายครั้ง จนถูกทดสอบบนความเป็นความตายในคราวแสร้งว่าป่วยไขข้ออักเสบเดินไม่ได้ จนในที่สุดเข้าสู่ร่มอำนาจมหาอุปราชในตำแหน่งเลขานุการฝ่ายวรรณกรรม ตามที่เขียนไว้ในหนังสือ วิถีแห่งอำนาจ :สุมาอี้ ของ เสถียร จันทิมาธร และขึ้นสูงสุดในตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพ หากจะร่อนชีวิต ชายผู้ถูกเรียกว่า จิ้งจอกเฒ่า หรือ จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ คนนี้นั้น ต่างคนต่างมุมมองก็ยากที่จะได้ข้อสรุป แต่หากเอาใจเป็นกลาง มองคนเป็นเพียงคน เราจะพบว่า ชายคนนี้ ไม่ได้ต่างจาก โจโฉ เล่าปี่ ซุนกวน คือ เกิดมาเพื่อเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ภาพจาก three kingdom 2010 เร้นกายอย่างรู้กาล สิ่งหนึ่งที่คนทั่วไปที่อ่านสามก๊ก มองผิวเผินคือ สุมาอี้ เจ้าเล่ห์แสนกล แท้ที่จริงแล้ว ชายคนนี้ คือผู้ที่วางตัวอย่างเหมาะสมและตรงกับเหตุการณ์ ในคราวที่เริ่มต้นราชการ ด้วยความสามารถที่ถูกมองเห็นจากจอมคนชื่อโจโฉ ย่อมยากที่จะเลี่ยงร่วมงานและการเฝ้าจับตา เพราะใครๆก็รู้ โจโฉขี้ระแวง ถึงขนาดสั่งลูกหลานไว้เด็ดขาดว่า อย่าให้สุมาอี้มีอำนาจทางทหาร  และนั้นเอง ทำให้เราได้เห็น ชายที่สงบเสงี่ยมแบบเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ปรุงแต่งจนใครรู้สึก ทำตัวเป็นเหมือนน้ำ อยู่ในตำแหน่งไหนก็ได้ ไม่เกี่ยงที่ต่ำ วางสูง  และทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ทำตัวโดดเด่นจนสร้างภัยในตัวเองและครอบครัว วางตัวให้เหมาะสม แสดงความเห็นเท่าที่ควร จึงทำให้สุมาอี้ ได้อยู่เห็นโจโฉล้มหาย ก๊กเว่ยล้มสลายกับตาตัวเอง   อดทนอย่างที่สุด ภาพเด่นชัดที่สุดของสุมาอี้หนีไม่พ้น ความเจ้าเล่ห์ การวางแผนอย่างลุ่มลึก ซึ่งทำให้ใครๆก็หวาดระแวงชายคนนี้ แต่ถ้าหากมองให้ลุ่มลึกลงไปในเรื่องราวชีวิต จะพบว่าแท้จริงนั้น ความอดทน คือหนึ่งในตัวตนของสุมาอี้อย่างไม่ต้องสงสัย ยอมที่จะไม่มีบทบาทใดๆในยุคโจโฉ ดำเนินงานอย่างเรื่อยๆแต่มีคุณภาพในยุคโจผี ใช้เวลากว่า 10 ปีในการโค่นโจซองและตระกูลโจอย่างเด็ดขาด รวมทั้งอดทนต่อการดูหมิ่นของขงเบ้งในสนามศึก น้อยคนที่จะทนได้เพื่อความสำเร็จ ภาพจาก three kingdom 2010 เลือกใช้ชีวิตอย่างมีแบบแผนและเหมาะสม คนเราส่วนใหญ่ต้องการเป็นดาวเด่น เป็นที่ยอมรับในฝีมือของตัวเอง ผ่านการแสดงออกในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะยุคสมัยใหม่หรือย้อนไปในยุคโบราณ เพียงแต่ว่า นับแต่เด็กจนรับราชการ สุมาอี้ เลือกใช้ชีวิตคลุกคลีกับผู้รู้ ตำรา จนแตกฉาน เลือกที่จะซ่อนคมดาบของตนเพื่อใช้ในเวลาที่เหมาะสม เลือกที่จะไม่ใช้ชีวิตสุ่มเสี่ยง หรูหรา เห็นได้จริงตลอดนวนิยายสามก๊ก เขาไม่เคยจัดงานเลี้ยงปรึกษาราชการ เลี้ยงรับขวัญใครๆ อยู่แบบสมถะ รวมทั้งเลือกที่จะออกจากราชการในจังหวะที่ลมแห่งอำนาจพัดไปข้างโจซอง แสร้งป่วยอยู่บ้านพัก รอเวลาลงมือขั้นเด็ดขาด เลี้ยงลูกแบบถูกทาง เชื่อว่าคนที่อ่านสามก๊กหลายๆคน จะพบปมหนึ่งที่เกิดขึ้นมาสร้างความขัดแย้ง คือ เรื่องครอบครัว และลงลึกไปในรายละเอียดคือ เรื่องลูก ไม่ว่าจะเป็น การวางตำแหน่งลูกคนรองแทนคนโตในการสืบทอดอำนาจ และที่สำคัญที่สุดคือ การเลี้ยงดูลูกที่ถูกวางตัวเป็นรัชทายาท  เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่า พอหมดบุญของโจโฉ ลูกๆก็เกือบจะฆ่ากันเพื่อแย่งอำนาจ เราได้เห็นการล่มสลายของจ๊กก๊กในสมัยของ เล่าเสี้ยน และความอ่อนแอจนหมดพลังของง่อก๊ก ในสมัยของเหล่าทายาทแห่งซุนกวน แม้จะเป็นจอมคนที่ยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน แต่คนเหล่านี้มีจุดอ่อนคือ เลี้ยงลูกไม่เป็น ปล่อยให้การเลี้ยงดูอยู่ในมือพี่เลี้ยงทั้งหลาย ภาพจาก three kingdom 2010 ซึ่งผิดกับสุมาอี้  ภาพที่เราเห็นจาก สุมาสู สุมาเจียว และส่งต่อมาที่สุมาเอี๋ยน ผู้หลาน คือภาพของคอบครัวผู้นำ ออกรบพร้อมกัน อยู่ในราชการทั้งครอบครัว ออกจากราชการก็ลาออกพร้อมกัน ทำให้เราได้ภาพความสามัคคีในครอบครัว รวมทั้งการอบรมสั่งสอนของพ่ออย่างสุมาอี้ ในฉากละครซีรีย์สามก๊ก เวอร์ชั่น 1994 สุมาอี้ถามบุตรว่า ถ้าจะครองแผ่นดินต้องทำอย่างไร บุตรทั้ง 2 คนตอบว่า ครองใจฮ่องเต้ ได้เป็นขุนนาง ครองใจประชา ได้เป็นฮ่องเต้  แม้จะสามารถคิดได้ว่า อาจจะเป็นการเขียนบทพูดเพิ่มขึ้นมาของผู้กำกับ แต่ถ้าคิดอีกชั้น นั่นหมายความว่า ตัวตนในนิยายของสุมาอี้น่าจะมีความเป็นไปได้ในลักษณะนี้ ทำให้เห็นภาพว่า ครอบครัวนี้ วางแผนการใช้ชีวิต การดำเนินเป้าประสงค์ในชีวิต และเป้าหมายสูงสุดของตระกูล        

Tag :