ผ่าเกมเพื่อไทย ความหวังระดับสูง พา"ทักษิณ"กลับบ้าน

by ThaiQuote, 9 มกราคม 2562

โดย...คนข้างสภา ไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะผกผันไปเช่นไร กลยุทธและกล่องความคิดของบรรดาเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร” ก็ยังไม่อาจข้าม หลุมดำ” ของ “ระบอบทักษิณ” ไปได้ และในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ อาจเป็นการรบครั้งสุดท้ายของเครือข่ายทักษิณ ก็เป็นไปได้ เพราะหากพิจารณาจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่วางกฎเหล็ก โดยเฉพาะความรับผิดชอบของพรรคการเมือง และนักการเมืองในการนำเสนอนโยบายหาเสียง จะต้องไม่เป็น นโยบายขายฝัน” เหมือนเช่นที่ผ่านมา กล่าวคือการใช้งบประมาณ หรือ “เงิน”เป็นตัวตั้ง สัญญาว่าจะให้ประโยชน์ เพื่อเป็นแรงจูงใจประชาชนลงคะแนนเสียงให้กับพรรคการเมือง เช่น โครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดตันละ 15,00-20,000 บาท ในยุคของอดีตรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งต้องใช้เงินงบประมาณนับแสนล้านบาทในการเข้าไปแทรกแซงกลไกราคาตลาดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนนำไปสู่ความเสียหายอย่างใหญ่หลวง และมีการดำเนินคดีเกี่ยวกับการทุจริตในการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เมื่อเครือข่ายทักษิณ ที่วันนี้พากันจัดทัพเปิดพรรคสาขาราวดอกเห็ด โดยหวังว่าจะได้รับอานิสงส์จากกฎกกติการใหม่ในการเลือกตั้งส.ส. โดยเฉพาะคะแนนแบบแบ่งสันปันส่วนนั้น อาจจะไม่ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายอย่างที่คิดเสียแล้วนั้นเอง ไพ่ใบสุดท้ายที่เครือข่ายทักษิณหยิบขึ้นมาเล่น ก็หนีไม่พ้นการเปิดเกมยกระดับนำ ทักษิณกลับประเทศไทย”  โดย ยงยุทธ ติยะไพรัช” ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเพื่อชาติ เสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งโต๊ะเจรจากับ ทักษิณ ชินวัตร” เพื่อสร้างความปรองดอง โดยไม่แยแสว่า ณ วินาทีนี้ สถานภาพของ นายใหญ่” คือนักโทษหนีอาญาแผ่นดิน     อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอที่ดูเหมือนจะไร้รากเช่นนี้ กลับถูกผู้สื่อข่าวนำไปถาม พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ซึ่งแน่นอนในฐานะหัวหน้าคสช. ได้ออกมาระบุอย่างหนักแน่นว่า หลักการของรัฐบาลยึดมั่นว่า การเจรจากับใครสักคน ทำไมจะต้องเจรจา เราจะไปสู้รบกับเขาหรือ "เขาไม่ได้สู้รบกับผม ไม่ใช่สงคราม เพราะฉะนั้นหลักการของรัฐบาลก็คือ จะเจรจากับผู้หลบหนีคดีไม่ได้ ถ้าคิดว่าไม่มีความผิดก็กลับมาสู้คดี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และกฎหมายที่มีความผิดก็เป็นฎหมายปกติ ไม่ใช่เป็นคำสั่งมาตรา 44 ของผมเสียเมื่อไหร่หรือเป็นอะไรของผมสักอย่างเลย เป็นกฎหมายปกติทั้งสิ้น" นั่นคือคำตอบของผู้นำประเทศในขณะนี้ และมันไปสอดรับกับความเห็นของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ออกมาสำทับในท่วงทำนองเดียวกันว่า ไม่มีใครห้ามทักษิณกลับเมืองไทย เขาหนีคดีไปเอง ถ้าไม่ผิดก็กลับมาต่อสู่ตามกระบวนการยุติธรรม ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า ป้อมบอกให้ผมกลับเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ทั้งๆ ที่ป้อมส่งคนของป้อมเข้าไปนั่งทั้งนั้น ผมว่าป้อมทำเรื่องของตัวเองให้เคลียร์ดีกว่ามั๊ยครับ เอาเด็กหน้าห้องป้อมออก แล้วปล่อยให้คนอื่นเข้ามาพิจารณาเรื่องนาฬิกายืมเพื่อนแทน เพราะกระบวนการยุติธรรมแบบป้อมๆ มันหมดความน่าเชื่อถือไปแล้วครับ” เท่านั้นก็ทำให้พี่ใหญ่ของคสช.ถึงกับปรี๊ดแตก เพราะพล.อ.ประวิตร ซัดกลับทันทีผ่านนักข่าวไทย ส่วนที่บอกว่าเป็นแบบป้อมๆ เป็นอย่างไร ก็ไปถามไอ้ทักษิณมันสิ ไปถามมันเอง ไปถามเขาเอง จะคุยเรื่องอะไร จะคุยอย่างไง ไปคุยกับศาล เพราะไม่ใช่เรื่องของผม” แม้พระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งส.ส.จะยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่กลเกมการเมืองฟากฝั่งเพื่อไทยแ ละทักษิณก็เริ่มเปิดฉากให้เราพอเห็นเค้าลางแล้วว่าจะดำเนินไปเข้มข้นดุเดือดเพียงใด การเดินเกมคู่ขนาดทั้งในระบบพรรคและเครือข่ายที่คอยอุ้มชูระบอบทักษิณ หนึ่งในนั้นก็คือ น.ส.ณัฎฐามหัทธนา หรือโบว์ พร้อมด้วยสมาชิกกลุ่มคนเลือกอยากเลือกตั้งกว่า 300 คนได้นัดทำกิจกรรมทางการเมืองด้วยการเดินขบวนเรียกร้องให้มีการจัดเลือกตั้งภายในวันที่ 24 ก.พ. 2562โดยไม่ยอมให้รัฐบาลเลื่อนเลือกตั้งออกไป นอกจากนั้นยังมีแกนนำเข้าร่วมหลายราย  อาทิ นายอานนท์ นำภา ทนายความและสมาชิกกลุ่มพลเมืองโต้กลับนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์หรือจ่านิว หากย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงรัฐประหารปี 2549 ทักษิณ ชินวัตร ได้ตัดสินใจเดินทางกลับมาตุภูมิแผ่นดินแม่ แสดงความคิดถึงและสำนึกในบ้านเกิดด้วยการก้มลงกราบแผ่นดินทันทีที่ก้าวออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่ามกลางกองเชียร์และกองทัพสื่อมวลชน  จากกนั้นเขาก็ได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพร้อมคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ในคดีใช้อำนาจโดยมิชอบซื้อที่ดินรัชดาฯ ศาลฎีกาฯได้ตัดสินให้ทักษิณมีความผิดจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา แม้จะมีช่องทางให้ทักษิณสู้คดี แต่อดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้ ก็เลือกที่จะหนีลี้ภัยไปยังต่างแดน ซ้ำตลอดระยะเวลาเขาก็ได้พยายามจะสร้างภาพการเป็นผู้นำระดับอินเตอร์ เพื่อทำให้แฟนคลับของเขาคิดถึงและอยากให้ทักษิณกลับมาบริหารประเทศเช่นเดิม อาทิ การปล่อยข่าวในทำนองทักษิณได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากประเทศต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะมอนเตรเนโกให้ไปพัฒนาระบบโทรคมนาคมโครงสร้างพื้นฐานให้ประเทศที่เขาได้รับวีซ่าและสัญชาติ รวมถึงการเสนอข่าวใหญ่โตว่าทักษิณได้บรรลุข้อตกลงในการทำเหมืองเพชรมูลค่ามหาศาล แต่จะแล้วจนรอดสิ่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถจับต้องได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการวางระบบโทรคมนาคมให้กับมอนเตรเนโก หรือเหมืองเพชรดังคำโอ้อวดของอดีตผู้นำประเทศไทยแต่อย่างใด กระนั้นก็ตามความเพียรพยามของทักษิณ ก็ยังสามารถส่งผ่านอำนาจของเขาไปยังเครือข่าย  ดันพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งส่ง สมัคร สุนทรเวช” ขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ในปี 2550 แต่ “สมัคร สุนทรเวช”  ต้องน้ำตาตกในหลังจากเผชิญมรณสุมจากการที่เขาไปจัดรายการอาหารผ่านทางทีวี ชิมไปบ่นไป” เป็นเหตุให้ฃาดคุณสมบัติต้องพ้นจากเก้าอี้นายกฯ เมื่อเดือนก.ย.51 การสืบทอดอำนาจของทักษิณยังแข็งแกร่ง เขาได้บัญชาการผ่านเครือข่ายผลักดัน สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ผู้เป็นน้องเขยก้าวสู่เก้าอี้นายกฯในเวลาต่อมาอย่างง่ายดาย แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่เข้าทักษิณสักเท่าไหร่ ด้วยสมชายเป็นนายกฯที่มีอายุการบริหารราชการแผ่นดินที่สั้นที่สุด เพียงระยะเวลา 2 เดือนเศษ (18 ก.ย.2551-2 ธ.ค.2551 เขาก็ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ เพราะพรรคพลังประชาชนถูกยุบ กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิทางการเมืองคนละ5 ปี ความระสำระส่ายระบอบทักษิณเริ่มเด่นชัดอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อบรรดาส.ส.ปีกทักษิณหันไปสนับสนุน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2551 จวบจนเมื่อวันที่ 9 พ.ค.2554อภิสิทธิ์ ได้ประกาศยุบสภาอย่างเป็นทางการ และจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 ก.ค.2554 การบริหารราชการแผ่นดินของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กว่า 2 ปีในฐานะรัฐบาล และการเป็นรัฐบาลรักษาการณ์ก่อนการเลือกตั้ง ไม่ได้ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ชิงความได้เปรียบทางการเมืองแต่อย่างใด ตรงกันข้ามพรรคเพื่อไทยภายใต้ใบบุญ “ทักษิณ” ที่ประกาศชิงชัยในศึกเลือกตั้งครั้งนั้น ด้วยการส่งน้องสาว “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นนายกฯ ควบคู่ไปกับนโยบายประชานิยมที่ร้อนแรงโดนใจคนฐานราก โดยเฉพาะการหาเสียงโครงการรับจำนำข้าว ก็สามารถส่งให้ยิ่งลักษณ์ก้าวสู่เก้าอี้นายกฯหญิงคนแรกบันกทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การบริหารงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในช่วงสามสี่เดือนแรก ก็ต้องมาเผชิญกับมหาอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 “เอาอยู่ๆ” คือคำพูดของนายกฯยิ่งลักษณ์ที่ยืนยันว่าสามารถบริหารจัดการน้ำได้ แต่สุดท้ายน้ำก็ท่วมขังเป็นวงกว้าง ไม่เว้นแม้แต่กรุงเทพมหานคร ปัญหามหาอุทกภัยผ่านพ้นไป แต่ภารกิจของยิ่งลักษณ์หาได้จบสิ้นไปไม่ ภารกิจใหญ่นั้นคือ การผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย ซึ่งมีหลักใหญ่ใจความในการช่วยเหลือพี่ชายทักษิณ ชินวัตร ให้เดินทางกลับมาประแทศไทยแบบไม่ต้องมีคติอะไรติดตัว นี่คือปมชนวนแห่งความขัดแย้งจนนำไปสู่ความสูญเสียครั้งสำคัญของประเทศไทย และเกิดรัฐประหารขึ้นในปี 2557 นั้นเอง และดูเหมือนจะเป็นกงล้อการเมืองประวัติศาสตร์ที่ยิ่งลักษณ์ต้องหนีคดีอาญาไปยังต่างประเทศเช่นเดียวกับพี่ชาย วันนี้ในวันที่เครือข่ายทักษิณอ่อนแรงอ่อนล้า ไม่สามารถผลักดันประชานิยมเพื่อตุนคะแนนจากกลุ่มคนรากหญ้าได้ดังเก่าก่อน การทิ้งไพ่ใบสุดท้ายด้วยการขายยี่ห้อ นายใหญ่-หญิงใหญ่” ก็คือ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” อาจเป็นเดิมพันครั้งสุดท้ายของตระกูลชินวัตรในการทำศึกเลือกตั้งที่มีขึ้นในเร็ววันนี้ เพื่อหวนคืนสู่อำนาจอีกครั้ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร หากจะเห็นทักษิณออกมาแสดงความเห็นผ่านสื่อออนไลน์เพื่อปลุกเร้าผู้สมัครส.ส.ในคาถา และการออกมาโอ้อวดความสำเร็จของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  เข้าไปซื้อกิจการ บริษัทซัวเถาคอนเทนเนอร์เทอร์มินัล (Guangdong Shantou International Container Terminal) จำกัด ในเมืองซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งท่าเรือซัวเถาเป็นหนึ่งใน 25 ท่าเรือหลักของประเทศตามแนวชายฝั่งของจีนและเป็นหนึ่งในห้าท่าเรือฮับสำคัญในมณฑลกวางตุ้ง มีพื้นที่ท่าเรือ 7 แห่งในซัวเถาพอร์ต ปริมาณสินค้าทั้งหมดของท่าเรือถึง 50 ล้านตัน น่าสนใจตรงที่หมากเกมของทักษิณสามารถเขี่ยอภิสิทธิหลุดวงโคจรจากอำนาจมาแล้ว วันนี้ รัฐบาลคสช.ที่มีอำนาจและสรรพกำลังทุกสิ่งอย่างจะสามารถเอาชนะระบอบทักษิณได้หรือไม่ โดยพาะในวันที่เครือข่ายของทักษิณไม่สามารถหาเสียงจากนโยบายประชานิยมขายฝันตามถนัดด้วยกฎกติกาเหล็กบังคับไว้ จึงเป็นเรื่องที่น่าติดตามอย่างจดจ่อด้วยประการทั้งปวง