รายงานข่าวเปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 62 ที่ผ่านมา เป็นการประชุมลับพิจารณารายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการไต่สวน  กรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ตรวจสอบรัฐมนตรี 4 ราย คือ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม  นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา  กรณีถือครองหุ้นสัมปทานของรัฐ เข้าข่ายกระทำการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 186 ประกอบมาตรา 184 วรรคหนึ่ง(2) มาตรา 170 วรรคหนึ่ง(5 )หรือไม่   ผลการประชุมกกต.มีมติเห็นว่าการถือครองหุ้นของทั้ง 4 รัฐมนตรี เข้าข่ายทำให้ขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง เห็นควรส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 และขณะนี้อยู่ระหว่างให้สำนักงาน กกต. ดำเนินการยกร่างคำร้อง ก่อนที่จะเสนอให้ที่ประชุม กกต.พิจารณาและประธาน กกต.ลงนาม เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ   สำหรับการชี้ขาดของ กกต. ครั้งนี้ เมื่อเทียบกับ กรณี ของการถือครองหุ้นของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ นายดอน  ปรมัตถ์วินัย จะมีความเหมือนที่แตกต่างกัน คือ เป็นกรณีถือครองหุ้น เหมือนกัน แต่ในกรณีของ นายดอน เป็นการถือครองหุ้นในบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ โดยภรรยา ซึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินชี้ขาดว่าเป็นกาดำเนินการถูกต้องทำให้ไม่ขาดคุณสมบัติในการเป็นรัฐมนตรี แต่สำหรับ กรณี 4 รัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นการถือหุ้นในสัมปทานของรัฐ  จึงน่าจับตาอย่างยิ่งสำหรับการชี้ขาดคุณสมบัติของ 4 รัฐมนตรีในขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญ