นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้ไปหาเสียงกับชาวโคราชที่ลานย่าโม แล้วให้สัมภาษณากับผู้สื่อข่าวโดยกล่าวว่าทางพรรคมีความคาดหวังผลการเลือกตั้งโดยเฉพาะใน 14 เขตนี้มีความหวังกับกลุ่มรัตนเศรษฐว่าจะทำให้ชนะได้หมด ส่วนเรื่องของการฮั้วกับชาติพัฒนาต่างคนต่างก็ทำงานเต็มที่ โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ทางพรรคชู 3 ประเด็นหลักคือ หนึ่งเรื่องของสวัสดิการประชารัฐ คนไทยทุกคนต้องมีสวัสดิการที่ดี ซึ่งในอดีตไม่มี สองเศรษฐกิจประชารัฐ โตได้อย่างยั่งยืน และสร้างประโยชน์ให้กับทุกกลุ่ม โดยเฉพาะด้านการเกษตร สามสังคมประชารัฐ ต้องก้าวสู่สังคมที่สงบสุขอย่างแท้จริง รู้จักแบ่งปัน ปลอดยา ปลอดโรค และปลอดภัย โดยการมาโคราชครั้งนี้เพื่อบอกว่ามีทั้งคนและนโยบายที่พร้อมจะรับใช้ประชาชน   พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวถึงความหมายของ “พลังประชารัฐ” คือการรวมพลังกันระหว่างภาคประชาชน ภาคเอกชน และภาครัฐทำงานร่วมกัน โครงการธงฟ้าประชารัฐ เป็นโครงการของรัฐบาลปัจจุบันดำเนินการอยู่ แต่ก็ไม่มีความขัดแย้งสำหรับอนาคต เพราะแนวคิดการทำงานของพรรคมองว่าสิ่งไหนที่ดีอยู่แล้วก็ต่อยอด บางเรื่องทางพรรคก็คิดขึ้นมาใหม่   นอกจากนี้นายอุตตมยังตอบข้อสงสัยของสื่อที่มองถึงการดึงนักการเมืองเก่าเข้ามามากมีความเขี้ยวทางการเมือง และมีการสร้างนักการเมืองใหม่เข้ามาจะบริหารอย่างไร โดยตอบว่า พรรคพลังประชารัฐจัดเป็นพรรคการเมืองใหม่ การได้นักการเมืองเก่าที่มีประสบการณ์ถือว่ามีประโยชน์ ในขณะเดียวกันเมื่อนำมาผสมผสานกับคนรุ่นใหม่ก็เท่ากับเป็นขุมพลังที่ดีของพรรค เป้าหมายคือการทำงานให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้วันอังคารนี้ (22 ม.ค.62) จะเปิดตัวคนรุ่นใหม่ทั้งหมด และให้ออกไปพบปะรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แล้วนำมาหล่อหลอมเป็นนโยบายของคนรุ่นใหม่ต่อไป   หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐกล่าวต่อว่า หากได้เข้าเป็นรัฐบาลสิ่งแรกที่จะทำคือเรื่องของสวัสดิการประชารัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องหนี้นอกระบบ นอกจากนี้โลกสมัยนี้เปลี่ยนแปลงมาก เศรษฐกิจประชารัฐจะต้องเน้นที่ความยั่งยืนและกระจายอย่างครอบคลุม เริ่มตั้งแต่เกษตรยั่งยืน อุตสาหกรรม เริ่มตั้งแต่วิสาหกิจชุมชน ขึ้นไปจนถึง  กิจการขนาดเล็ก SME ผู้ประกอบการรายใหญ่ ทั้งหมดนี้ต้องมีการนำเทคโนโลยีเข้าไปใช้อย่างเหมาะสม สังคมไทยปัจจุบันนี้ต้องการความสงบสุข หลุดพ้นจากความชะงักงัน นี่คือสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐอาสาเข้ามา   สำหรับปัญหาที่ดินทำกินนั้น นายอุตตมกล่าวว่าตระหนักดีว่าเป็นปัญหา และมีหลักการใหญ่ว่าต้องมีการจัดการ โดยเป้าหมายคือเกษตรป่าชุมชนจะต้องอยู่ร่วมกับป่าได้ ทางด้าน สปก.ก็จะถูกจัดให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง โดยจะให้สิทธิในการทำที่ก่อให้เกิดประโยชน์ยั่งยืนเป็นที่ตั้ง