หมอผิวหนังแนะผ่านพื้นที่ฝุ่น PM2.5 ถึงบ้านควรอาบน้ำทันที เตือนกลุ่มศัลยกรรมระวังใบหน้าบวม

วันนี้ (23 ม.ค.) พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า ผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่มีต่อผิวหนังทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยอาจทำให้ก่ออาการภูมิแพ้ ระคายเคือง และการอักเสบของผิวหนังได้ อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมจากการสำรวจอุบัติการณ์ของผู้ป่วยรายใหม่ในโรคลมพิษและผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ไม่ได้มากขึ้น ซึ่งจากการเก็บข้อมูลเปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกัน 16 วันของเดือนมกราคมระหว่างปี 2561 และ 2562 พบว่า ทั้งสองกลุ่มโรคมีสถานการณ์ไม่แตกต่างกันมาก โดยในปี 2561 พบผู้ป่วย 174 ราย และปี 2562 พบ 152 ราย

พญ.มิ่งขวัญ กล่าวว่า ในระหว่างที่ขณะนี้อยู่ในสถานการณ์วิกฤตของฝุ่นละอองขนาดเล็กอยู่ ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงเข้าไปในสถานที่ที่มีฝุ่นพิษ PM2.5 โดยเฉพาะในพื้นที่ที่แจ้งว่าอยู่ในเกณฑ์ที่มีอันตรายต่อสุขภาพ นอกจากนี้ต้องสวมหน้ากากแล้ว อาจจะสวมเสื้อผ้าที่เป็นแขนยาว ขายาว เพื่อปกป้องผิวหนัง และเมื่อกลับถึงบ้านแล้วก็พยายามลดปริมาณที่สัมผัสลง โดยการอาบน้ำ ล้างหน้า เร็วที่สุด ใช้สบู่ปกติ ไม่ใช่สบู่ที่รุนแรง มิเช่นนั้นผิวหนังจะอักเสบมากยิ่งขึ้น ส่วนคนที่มีพื้นฐานการอักเสบของผิวหนังอยู่แล้ว เช่น เป็นโรคภูมิแพ้เรื้อรัง สะเก็ดเงิน หรือไปทำหัตถการบางอย่างที่ทำให้มีการอักเสบหรือบวมของผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าเช่น ฉีดโบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์ ก็ให้ระวัง เพราะการรับฝุ่นทำให้รู้สึกเหมือนคัน อยากเกา ก็ขอห้ามว่าอย่าเกา ให้ทาครีมแก้คันหรือรับประทานยาแก้คัน

“โบท็อกซ์จะไม่ค่อยมีอาการบวมมาก แต่การฉีดฟิลเลอร์จะมีอาการบวม และต้องการระยะเวลาให้เกิดความคงที่ของจุดที่ฉีด ว่าตามหลักแล้วจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งหากฉีดแล้วยังไม่เข้าที่ แต่เกิดไปเกาก็จะทำให้เบี้ยวขึ้นมาได้ โดยอาจสวมหน้ากากอนามัยเพื่อลดการสัมผัสฝุ่น ลดโอกาสคันและเกาใบหน้า” พญ.มิ่งขวัญ กล่าว