สมคิดกระตุก ขรก.ห้ามเกียร์ว่าง ต้องช่วยเกษตรกรทุกเวลา

by ThaiQuote, 30 มกราคม 2562

รองนายกฯ สมคิดชี้ข้าราชการต้องดูแลเกษตรกรทุกเวลาอย่าเกียร์ว่างเด็ดขาด อัดนโยบายลดตุ้นทุนภาคการเกษตรให้ไป 2 ปีทุกวันนี้ยังเงียบ ชี้ทุกวันนี้เกษตรกรต้องปรับตัว เน้นเพิ่มมูลค่าบุกตลาดออนไลน์ให้มากขึ้น

เมืองทองธานี วันที่ 28 มกราคม 2562 – ​นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ร่วมปาฐกถาพิเศษ ในงาน“สานพลัง ปฏิรูปภาคเกษตรไทย” ในโอกาสครบรอบ 52 ปี ธ.ก.ส. โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ภาคการเกษตรในยุคนี้จำเป็นต้องปรับตัวอย่างมาก ทางออกสำคัญคือการต้องทำให้สหกรณ์มีความเข้มแข็ง และผู้ประกอบการภาคเกษตร ต้องเข้ามาช่วยยกระดับเกษตรกรเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะเรามีเกษตรกรถึง 30 ล้านคน แต่สัดส่วนจีดีพีมีแค่ 8% เท่านั้น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องยกระดับการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่าการผลิต อีกทั้ง การพัฒนาตลาดออนไลน์ก็ต้องจริงจัง และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลดต้นทุนให้กับเกษตรกรด้วย โดยเฉพาะราคาปุ๋ยที่มีถึง 30% เป็นต้นทุนการผลิต และได้ให้นโยบายไปแล้วถึง 2 ปี แต่ถึงขณะนี้เรื่องก็เงียบ

“การส่งเสริมเกษตรกรไปสู่ตลาดออนไลน์ จึงต้องอำนวยความสะดวกทั้งการขนส่งสินค้าผ่านการพัฒนาด้านคมนาคม ไม่ให้กระจุกตัวเฉพาะส่วนกลาง เพื่อให้ส้นทางเข้าถึงชุมชน ทั้งสร้างถนน รถไฟทางคู่ ติดตั้งอินเตอร์เน็ตประชารัฐ ส่งเสริมการศึกษาในชุมชน ความเจิรญในชนบทจะสูงขึ้น จึงมอบหมายให้บีโอไอส่งเสริมโรงงานรับซื้อผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น รวมไปถึงการส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรอง สิ่งเหล่านี้จะทำให้เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็งมากขึ้น ภาระกิจดูแลเกษตรกรของหลายหน่วยงาน จึงต้องอยู่เหนือการเมือง เพราะเป็นกลุ่มที่ต้องดูแลทุกด้าน เนื่องจากไทยมีศักยภาพ แต่เกษตรกรกลับยากจน ยอมรับแม้แจกเงินผ่านบัตรสวัสดิการ แต่ได้นำมาฝึกอบรมพัฒนาอาชีพให้มีรายได้สูงขึ้น เพราะได้ช่วยเหลือควบคู่ไปพร้อมกับการปฏิรูปและเปลี่ยนแปลง ” นายสมคิดกล่าว

รองนายกฯ กล่าวว่า ข้าราชการทุกหน่วยงานที่ดูแลเกษตรกร ห้ามเกียร์ว่างในช่วงที่มีการเลือกตั้งอย่างเด็ดขาด เพราะเกษตรกรจะต้องดูแลตลอดเวลา และข้าราชการทุกคนจะต้องมีไฟอยู่ในใจในการช่วยเหลือเกษตรกร ทั้งการปรับปรุงหนี้สิน ปรับปรุงผลการผลิต ดูแลการตลาดแบบครบวงจร แม้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย

ด้านนายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า เริ่มเป็นห่วงเกษตรกรที่หันมานิยมปลูกทุเรียนกันมากขึ้น จึงอยากให้ปลูกพืชผสมผสานด้วยเพื่อลดความเสี่ยงล้นตลาด แต่หากจะปลูกก็ต้องดูแลอย่างมีคุณภาพ โดยใช้การตลาดนำ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ จะแนะนำเกษตรกรหาความรู้ ทั้งประกันความเสี่ยงจากการทำประกัน โดยรัฐบาลส่งเสริม

ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ไทยมีศักยภาพปลูกพืชได้แทบทุกพื้นที่ ตลาดออนไลน์ เป็นโอกาสใหม่ให้กับชาวบ้าน ขายให้กับตลาดโดยตรงไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง หากเป็นสวนที่มีคุณภาพหรือสมาร์ทฟาร์มเมอร์ เพราะผลิตด้วยคุณภาพ กระทรวงพาณิชย์ จึงต้องการชุมชนปรับตัวไปสู่ตลาดยุคใหม่ แปรรูปสินค้าเกษตรรองรับความต้องการของตลาด

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. มุ่งการพัฒนาภาคการเกษตรใน 3 ด้าน คือ ปรับ การเกษตรแบบดั้งเดิมมาใช้เทคโนโลยีและวัตกรรมการเกษตรเพื่อลดต้นทุน เช่น การผสมปุ๋ยใช้เอง การเกษตรแบบแปลงใหญ่ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยใช้เทคโนโลยี Agri-Tech เช่น การปลูกมันสำปะหลังระบบน้ำหยด การใช้เครื่องจักรในการทำไร่อ้อย ใช้โดรนเพื่อการเกษตร เป็นต้น ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาการขาดแรงงานในภาคการเกษตร เปลี่ยน การผลิตให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ โดยปลูกพืชตามแผนที่เกษตรหรือ Agri Map ในพื้นที่ที่เหมาะสม เช่น การปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา และผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาด โดยใช้หลัก “ตลาดนำการผลิต” เช่น การแปรรูป การทำเกษตรปลอดภัยและอินทรีย์ ชึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและช่วยลดปัญหาสินค้าล้นตลาด พร้อมเชื่อมโยงการตลาดหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้ผู้ผลิต สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้หลายช่องทาง เช่น จัดให้มี Branch Outlet การจัดตลาดของดีวิถีชุมชน ตลาดซื้อขายระบบ Online ผ่าน E-Commerce Platform ตลอดจนสร้างระบบเชื่อมโยงการให้บริการซื้อ-ขายสินค้าการเกษตร ปัจจัยการผลิต การจองที่พักแหล่งท่องเที่ยวชุมชน เป็นต้น พัฒนา สหกรณ์การเกษตรและผู้ประกอบการ SMAEs เป็นหัวขบวนนำการเปลี่ยนแปลง โดยสนับสนุนให้มีการผลิตการบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่มูลค่าสินค้าเกษตร เช่น ธุรกิจรวบรวมและแปรรูปข้าวของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) สุรินทร์ ผู้ประกอบการ SMAEs คิชฌกูฏออร์แกนิคฟาร์มที่ส่งเสริมรวบรวมและรับซื้อผักจากเกษตรกรรายย่อย ทำให้มีตลาดที่แน่นอนและมีรายได้มั่นคง

อีกทั้ง มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้กลไกสหกรณ์การเกษตรและผู้ประกอบการSMAEs จำนวนกว่า 9,000 ราย เป็นหัวขบวนช่วยเพิ่มรายได้ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้วกว่า 300,000 รายในปีที่ผ่านมา ดังนั้นในปีบัญชี 2562 นี้ การนำ Model ความสำเร็จของเกษตรกรลูกค้า สหกรณ์การเกษตร และผู้ประกอบการSMAEs ที่จะเป็นหัวขบวนนำการเปลี่ยนแปลง มาเป็นผู้จุดประกายให้กับผู้ร่วมงานในครั้งนี้ รวมทั้ง ขยายผลการให้ความช่วยเหลือไปยังเกษตรกรรายย่อยให้สามารถยกระดับรายได้ของตนผ่านกลไกสหกรณ์และผู้ประกอบการSMAEs อย่างยั่งยืน และที่สำคัญคือ การบริหารจัดการด้านการตลาด สำหรับเป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้า ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดออนไลน์ เช่น A-Farm Mart ซึ่งเป็น E-Commerce PlatForm ที่ ธ.ก.ส.ร่วมกับ บริษัทไทยธุรกิจเกษตรพัฒนาขึ้น โดยภายในงานมีการจัดกิจกรรมให้ความรู้และเตรียมความพร้อมให้สหกรณ์การเกษตรและผู้ประกอบการSMAEs ลงทะเบียนสินค้า เพื่อจำหน่ายแบบ Online บน PlatForm ตลาดออนไลน์

Tag :