นายกฯ โชว์ผลงาน 4 ปี รัฐบาล ดีขึ้นทุกด้าน

by ThaiQuote, 1 กุมภาพันธ์ 2562

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงผลการดำเนินงานปีที่ 4 ของรัฐบาลที่ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล วันนี้(1 ก.พ.62) โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยุติธรรม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี และนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟัง โดยโอกาสนี้แต่ละกระทรวงได้นำเอกสารสรุปผลงานมาแจกจ่ายประกอบการแถลงด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ แถลงว่า ในช่วงก่อนที่รัฐบาลและ คสช.เข้ามา ประเทศมีวิกฤตการเมือง มีการทะเลาะเบาะแว้ง เศรษฐกิจหยุดชะงักหลายอย่างมีปัญหาไปหมด จึงเป็นเหตุผลและความจำเป็นที่ คสช. ตัดสินใจเข้ามาควบคุมสถานการณ์ โดยได้วางแนวทางการแก้ปัญหาประเทศไว้ 3 ระยะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระยะที่ 3 ที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญและกำลังเดินหน้าสู่การจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 24 มีนาคม 2562

สำหรับผลงาน รัฐบาลได้แก้ปัญหาเร่งด่วน อาทิ การแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งแม้ดัชนีชี้วัดจะถูกลดอันดับลง แต่ในประเด็นย่อยดีขึ้น รวมถึงปัญหาอีกหลายอย่างที่กำลังดำเนินการ จึงต้องขอร้องให้ใจเย็นๆ ขณะเดียวกันในเรื่องดัชนีชี้วัดการทุจริตคอร์รัปชั่นมีบางคนบอกทำได้ดีกว่านี้ ก็ขอให้ดูว่าวันหน้านักการเมืองเข้ามาจะเป็นอย่างไร อาจทำดีกว่าหรือแย่กว่าขอให้รอดู ที่ผ่านสถานการณ์โดยรวมของประเทศถือว่าดีขึ้น เศรษฐกิจขยายตัว ดัชนีชี้วัดและการจัดอันดับต่างๆ ดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งตัวเลขมีความสำคัญขออย่าไปบิดเบือน


ทั้งนี้ เรามียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างชัดเจน มีการสอบถามความเห็นของประชาชน สำหรับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง เราต้องสร้างประเทศชาติให้มั่นคง ประชาชนมีความสุขปลอดภัยและมีความสงบเรียบร้อย และการรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนหากไม่มีกำลังทหารก็จะเละกว่านี้ จึงต้องรักษาความสงบ ขณะที่การปฏิรูปตำรวจ มีการร่างกฎหมายหลายฉบับ รวมถึงการแก้ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจและยกระดับการบริการ

ในส่วนของการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีกระบวนการพูดคุยสันติสุข ที่ต้องทำให้สังคมโลกเห็นว่าเราทำตามมาตรฐานสากล ไม่ได้เป็นการเจรจา เพราะเราไม่ได้ไปรบกับใคร ซึ่งเมื่อการแก้ปัญหาดีขึ้นสถิติการก่อเหตุลดลง แต่มีความพยายามสร้างความหวาดกลัวเพื่อไม่ให้ร่วมมือกับรัฐ ดังนั้นอย่าช่วยขยายความรุนแรง เพื่อไม่ให้ลุกลามปานปลาย เพราะจะเปิดช่องให้ต่างประเทศเข้ามา

ด้านการต่างประเทศช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างความภาคภูมิใจและได้รับการยอมรับมากขึ้น ซึ่งเกิดจากการแก้ปัญหาของไทย แต่ไม่ใช่หยุดและเลิกเลย เพราะมีคนจ้องโจมตีอยู่ทั้งคนที่บริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ ทำให้ทำงานได้ช้าและขัดแย้ง ซึ่งการเยือนต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีไปครบทุกภูมิภาคถึง 64 ครั้ง รวมถึงประเทศที่เป็นประชาธิปไตยก็ตอบรับอย่างดี ย้ำว่าไม่ได้ไปซื้อของหรือไปเที่ยว เป็นการเจรจาเรื่องการค้าขาย การกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ประเทศไทยได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานการประชุมอาเซียนในปี 62 นี้ จะต้องทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย อย่าให้เกิดแบบเดิมอีก ทุกคนรู้อยู่แล้วอะไรดีไม่ดี ขณะที่การท่องเที่ยวย้ำว่าคนเข้ามามากขึ้น ดังนั้นอย่าขัดแย้งและอย่าทำร้ายประเทศขยายเรื่องไม่ดีออกไป

ในด้านสาธารณสุข ได้ขยายสิทธิ์รักษา อย่างเข้าถึงยาราคา 11 รายการ รักษาฟรีโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน สนับสนุนอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) เพิ่มค่าป่วยการ 1,000 บาท ศูนย์ดำรงธรรม 3,292 บ้าน เรื่องยุติ 3,233 ล้านเรื่อง เรารับฟังประชาชนโดยตรง

"หลังจากนี้จะให้ทุกหน่วยงานชี้แจงการดำเนินงาน ทำอะไรไปแล้วต้องพูด ไม่เช่นนั้นจะมีการเสนอข่าวเลอะเทอะไปหมด อย่างไรก็ตามต้องร่วมมือทำประเทศไปข้างหน้า พร้อมร่วมหลอมใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อจัดพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกด้วยความสงบเรียบร้อยด้วย"นายกรัฐมนตรีกล่าว