กต. ร้องออสซี่-บาห์เรน หาทางออก win-win กรณี “ฮาคีม”

by ThaiQuote, 6 กุมภาพันธ์ 2562

6 ก.พ.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.56 น.วันที่ 5 ก.พ.62 กระทรวงการต่างประเทศ เผยแพร่คำแถลง เรื่อง “นายฮาคีม อัล อาไรบี กับปัญหาระหว่างออสเตรเลียกับบาห์เรน” ระบุว่า
1.ประเทศไทยไม่รู้จักนายฮาคีม ไม่มีอคติต่อตัวบุคคลและคงไม่ยุ่งเกี่ยวกับการมาไทยจนถูกคุมตัวจับกุมของนายฮาคีม หากไม่ใช่ Interpol ของออสเตรเลียที่ได้แจ้งเตือนเรื่องหมายแดงของนายฮาคีมแต่แรก ซึ่งไทยได้ดำเนินการตามขั้นตอน คือ ให้จับเพื่อส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดน และหากทางการบาห์เรนไม่ได้มีคำร้องขออย่างเป็นทางการจากรัฐบาลให้จับกุมนายฮาคีมและส่งผู้ร้ายข้ามแดน
2.ทางการออสเตรเลียใช้เวลาหลายวันหลังจากที่นายฮาคีมเดินทางถึงไทยในการแจ้งการยกเลิกหมายแดงของตน ซึ่งในขณะนั้น กระบวนการทางกฎหมายในไทยได้เริ่มขึ้นแล้วและไม่สามารถย้อนกลับได้
3.ขณะนี้เรื่องได้เข้าสู่กระบวนการศาลแล้ว ในการเดินตามขั้นตอนของกฎหมาย ฝ่ายบริหารไม่สามารถแทรกแซงฝ่ายตุลาการได้ซึ่งเป็นหลักสากลและเชื่อว่าออสเตรเลียก็ยึดถือหลักการนี้เช่นเดียวกัน
4.ขออย่าได้ด่วนสรุปว่าไทยจะส่งตัวนายฮาคีมให้กับบาห์เรน เรื่องนี้ศาลจะพิจารณาตามหลักฐานที่มีอยู่ซึ่งมีพื้นฐานจากหมายจับ/หมายศาลของบาห์เรน เมื่อเขาหนีความผิดตามกฎหมายของประเทศบาห์เรนมา และบาห์เรนได้ขอให้คุมตัวเมื่อมาไทย พร้อมกับส่งเอกสารหลักฐานทางกฎหมายให้ฝ่ายไทย พนักงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าเข้าเกณฑ์ตามกฎหมายที่จะส่งฟ้องต่อศาลได้ จึงดำเนินการต่อไปแล้ว
5.ขณะเดียวกันศาลไทยพร้อมรับหลักฐานทุกชิ้นทุกชนิดที่เป็นข้อเท็จจริงและเป็นธรรมต่อนายฮาคีมที่ทนายของนายฮาคีมจะนำส่งให้ศาลพิจารณา
6.ไม่มีส่วนใดของไทยที่จะได้ประโยชน์จากการควบคุมตัวนายฮาคีม แต่ในฐานะรัฐอธิปไตยที่มีพันธะทางกฎหมายและความถูกต้องต่อสังคมโลก ไทยได้มาพบว่าเพื่อนที่ดีของไทย 2 ประเทศเกิดแย่งตัวบุคคลคือนายฮาคีมที่มาประเทศไทย ในภาวะดังกล่าวไทยมีทางเดินอันชอบธรรมเพียงว่า (1) ให้ความร่วมมือทางด้านกฎหมายและ (2) เสนอแนะให้เพื่อนที่ดีทั้งสองนี้ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่ายก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันด้วย หันหน้าหารือ หาทางออกในปัญหาซึ่งเป็นของตนเองเสีย แทนการผลักดันหาทางออกทางอ้อมจากไทยซึ่งเผอิญจับพลัดจับผลูมาอยู่ในภาพของประเด็นปัญหานี้ซึ่งเพื่อน 2 ประเทศของไทยมีระหว่างกันมาแต่ก่อน
7.การขอให้ออสเตรเลียกับบาห์เรนคุยกัน หาทางออกร่วมกัน จึงเป็นท่าทีโดยชอบธรรมของไทย และไม่ว่าแนวทางออกร่วมกันดังกล่าวจะมาในรูปแบบใด ไทยก็ยินดีจะช่วยส่งเสริมให้เป็นจริงและบรรลุผลสัมฤทธิ์ที่เป็น win-win
8.ไทยหวังว่าทั้งออสเตรเลียและบาห์เรนจะมีมิตรไมตรีที่ดีเพียงพอที่จะร่วมกันหาทางออกของเรื่องนี้ด้วยความจริงใจ หากผลลัพธ์เป็น win-win เชื่อได้แน่นอนว่า คนไทยและผู้คนในภาคส่วนต่างๆ ของโลกที่รับรู้เรื่องนี้จะสรรเสริญทั้งออสเตรเลียและบาห์เรนอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ทางด้านนางนันทนา ศิวะเกื้อ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงแคนเบอรา ประเทศออสเตรเลียให้สัมภาษณ์เอบีซี เรดิโอ เนชั่นแนล ไดรฟ์ ขอให้ทุกฝ่ายอดทนกรณีฮาคีม อัลอาไรบี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรนที่ได้สถานะผู้ลี้ภัยในออสเตรเลีย แล้วถูกทางการไทยควบคุมตัวไว้ท้ายที่สุดแล้วความยุติธรรมจะเป็นฝ่ายชนะ

“ประเทศไทยตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศเป็นอย่างดี มีความยึดมั่นในพันธกิจ และเคารพในการปฏิบัติตามหลักการด้านมนุษยธรรม และจะไม่เข้าไปแทรกแซงกิจการ หรือกรณีขัดแย้งใดๆเพื่อสร้างความพอใจให้แก่ประเทศหนึ่งประเทศใดอย่างแน่นอน”นางนันทนา กล่าว