นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขอแนะนำประชาชนหากจะใช้ถุงยางอนามัย ควรเลือกที่มีเลขใบอนุญาตเครื่องมือแพทย์ ที่รับรองจากอย. และไม่ควรซื้อถุงยางอนามัยมาเก็บไว้นานๆ นอกจากนี้ หากจะเก็บก็ควรเก็บให้พ้นแสงแดด แสงฟลูออเรสเซนต์ รวมถึงที่แห้งและเย็น ไม่ควรเก็บใส่กระเป๋าสตางค์เพราะจะทำให้กดทับเสี่ยงต่อการเกิดรอยรั่วและฉีขาด และไม่ควรเก็บถุงยางอนามัยไว้ในช่องเก็บของรถยนต์ซึ่งมีอุณหภูมิสูง
นอกจากนี้ ควรเลือกใช้สารหล่อลื่นที่ละลายในน้ำหรือซิลิโคนออยล์ (silicone oil) เช่น เค-วาย เจลลี่ , คิว-ซี เจลลี่, แต่ไม่ควรใช้สารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันพืชหรือน้ำมันแร่ เช่น เบบี้ออยล์, น้ำมันทาผิว,ปิโตรเลียม เจลลี (petroleum jelly), น้ำมันปรุงอาหาร และน้ำมันชนิดอื่นๆ เนื่องจากจะทำให้ถุงยางอนามัยเสื่อมสภาพ แตกขาดง่าย ทำให้ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือคุมกำเนิดได้
"กรมฯได้ทดสอบคุณภาพถุงยางอนามัยระหว่างปี 2559-2561 พบว่าที่วางขายในท้องตลาดผ่านมาตรฐาน 98% จากทั้งหมด 234 ตัวอย่าง และขณะนี้ภาพรวมสถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทยลดลง แต่หากจำแนกตามกลุ่มอายุจะพบว่าในกลุ่มวัยรุ่น อายุ 15-24 ปี มีอัตราการป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้น ทั้งเอชไอวี ซิฟิลิส และโรคหนองใน กรมฯ ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว เพราะนอกจากปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่มีการป้องกันแล้ว ยังมีปัญหาการใช้ถุงยางอนามัยที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงการใช้ที่ไม่ถูกต้องที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อ" นพ.โอภาส กล่าว