"บิ๊กตู่" ลงพื้นที่สมุย-กระบี่ลั่น รัฐบาลนี้ไม่เลือกข้าง

by ThaiQuote, 21 กุมภาพันธ์ 2562

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจราชการจ.สุราษฎร์ธานีและจ.กระบี่วันนี้ (21 ก.พ. 62) โดยจุดแรก นายกฯ เดินทางมายังลานเอนกประสงค์ ท่าเทียบเรือเกาะสมุย ต.หน้าทอน อ.เกาะสมุย เพื่อเป็นประธานในพิธีส่งน้ำประปาผ่านท่อลอดใต้ทะเลจากเมืองสุราษฎร์ธานีมายังเกาะสมุย ซึ่งมีระยะทาง รวม 125 กิโลเมตร ใช้งบประมาณกว่า 2 พันล้านบาท และเป็นโครงการวางท่อประปาที่ยาวที่สุดในประเทศ เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงหน้าแล้ง โดยโครงการดังกล่าวสามารถเพิ่มกำลังผลิตน้ำประปาบนเกาะสมุยได้เพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัวหรือ 24,000 ลบ.ม.ต่อวัน เพื่อรองรับปริมาณการใช้น้ำที่มากกว่า 1,000 ลบ.ม.ต่อชั่วโมง

เมื่อเดินทางมาถึงนายกฯ ได้เดินทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับกว่า 1,000 คน ประชาชนได้ตะโกน “นายกฯ สู้ๆ” นายกฯ จึงทำมือเป็นสัญลักษณ์ ไอเลิฟยู จากนั้นได้ร่วมชมการแสดงรำมโนราห์ ก่อนเป็นสักขีพยานในโอกาสพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหนังสือโครงการป่าชุมชน บ้านธารน้ำร้อน แก่ผู้แทนจำนวน 1 ราย และผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ภายในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) ให้ผู้ตัวแทนเกษตรกร จำนวน 10 ราย

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอโทษประชาชนที่เดินทางมาล่าช้าว่า วันนี้ถือว่า เดินทางมาไกล แต่ยืนยันว่า ไม่มีอะไรจะมาสกัดกั้นการเดินทางของนายกรัฐมนตรีได้ แม้แต่เครื่องบิน ที่ตนนั่งมาจะขัดข้อง ใบพัดดับไปเครื่องหนึ่ง เพราะเครื่องบินลำที่เดินทางมาในช่วงแรกมีใบพัด 4 เครื่อง ทำงานแค่ 3 เครื่อง แม้เครื่องบินเหลือเพียง 2 เครื่องยนต์ก็จะมา แต่โชคดีเป็นเครื่องบินทหารมี 4 ใบพัด ดับไปใบหนึ่ง ถ้าบินต่อก็จะเหลือ 2 ใบ 2 เครื่อง แต่ก็ยังบินได้มันก็แปลก แต่ถ้าจะบินต่อมันก็เสี่ยงไปนิดจึงต้องกลับมาเปลี่ยน

“ผมก็บอกกับนักบินประจำเครื่องว่า แม้ใบพัดจะดับไปเครื่องหนึ่ง แต่ยังสามารถบินต่อไปได้หรือไม่ เพราะความจริงสามารถบินต่อได้ แม้จะมีใบพัดแค่ 3 เครื่อง ก็นั่งมาหลายครั้งแล้ว แต่นักบินไม่ยอมก็เลยต้องบินกลับไปที่กรุงเทพฯ บินมาแล้วครึ่งชั่วโมง บินกลับไปอีกครึ่งชั่วโมง เพื่อเปลี่ยนเครื่องบินลำใหม่ ไม่เช่นนั้นก็มาถึงสมุยเร็วกว่านี้แล้ว เพราะเมื่อช่วงเช้าผมเดินทางออกตามเวลาทุกประการ ซึ่งก็ต้องขอโทษประชาชนทุกคนทั้งที่สมุย และจุดต่อๆไปด้วย ทราบดีว่าเวลาเป็นเงินเป็นทองของทุกคน" นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า วันนี้ดีใจเป็นเกียรติที่ได้มา เคยมาเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว จากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย ตอนเป็นผบ.ทบ.ก็เคยมาครั้งหนึ่ง แต่พอเป็นรัฐบาลไม่ได้มา จนมาถึงที่นี้ไม่มีอะไรสกัดกั้นผมได้ แม้แต่เครื่องบิน ดังนั้นขอให้รู้ไว้เลยว่า การที่เราต้องซื้ออุปกรณ์กองทัพเป็นอย่างไร เพราะมันเป็นอย่างที่เห็น ไม่ไช่ผมเพียงคนเดียวที่นั่ง แต่ในวันข้างหน้าก็ต้องใช้ขนประชาชน และใช้ในยามที่เดือดร้อน เช่น พายุปาบึก ทุกคนก็ต้องขึ้นลำเดียวกับผมก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย เครื่องบินบางลำอายุมากกว่าผมอีก เวลากำลังพลขึ้นยุทโธปกรณ์ต้องยกมือไหว้ นักบินเองต้องยกมือไหว้ พร้อมบอกว่า อย่าเป็นอะไรนะเว้ย ปลอดภัยนะ เจ้าหน้าที่เสี่ยงกันขนาดนั้น เห็นใจเขาบ้าง นึกถึงคนใช้งานบ้าง ทุกคนเขามีความรับผิดชอบ

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า วันนี้มากันหลายกระทรวง เพราะปัญหามีจำนวนมาก และยืนยันรัฐบาลแก้ปัญหาให้ถูกวิธีแก้ให้ยั่งยืน อย่างที่ดินก็ทำให้ถูกกฎหมายอย่าไปบุกรุก รัฐบาลนี้ไม่ได้มุ่งหวังทำร้ายใครแม้รายได้เราจะไม่เพิ่มขึ้น เพราะรายได้เรามาจากภาษีที่ตนแตะไม่ได้ พูดเรื่องภาษีไม่ได้คนจะนำไปบิดเบือน วันนี้รัฐบาลไม่ได้ไปยุ่งกับภาษีเลยเอาไว้เมื่อพร้อมถึงเวลาค่อยว่ากัน

อย่างไรก็ตามมาสมุยครั้งนี้มีการพัฒนาไปในทางที่ดีทั้งเรื่องถนนหนทาง แต่ขอติเรื่องการทิ้งขยะ ขอให้ทุกคนร่วมมือกันช่วยกันเก็บถึงพลาสติกและขยะตามข้างทาง ผู้ว่าฯ ขอความร่วมมือทำโครงการจิตอาสาทำความดีด้วยหัวใจสักครั้งหนึ่ง เก็บขยะทั้งเกาะ แล้วแก้ปัญหาเรื่องการทิ้ง การใช้ถุงพลาสติกให้ลดลง เพราะทุกพื้นที่คือหน้าตาของทุกคนขออย่านิ่งดูดาย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงแล้วต้องคิดให้ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ถ้าคิดแบบเดิมติดอยู่แบบเดิม ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เหมือนอย่างปัจจุบันทุกคนอยากเขียนอยากแสดงความคิดเห็น จริงบ้างไม่จริงบ้างก็โพสต์ข้อความ จริงหรือไม่จริงไม่รู้โพสต์ไปแล้ว สิ่งเหล่านี้บางครั้งก็สร้างความกดดัน ทำให้การทำงานยากขึ้น อะไรก็ไม่ได้ การเคลื่อนไหวต่างๆต้องให้คนในพื้นที่ เพราะถ้าให้คนนอกพื้นที่มาทำก็จะไปต่อไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้จริงถึงความเดือดร้อน

สำหรับรัฐบาลนี้ไม่ใช่เลือกข้างใคร ในวันข้างหน้าใครจะมาเป็นก็ได้แต่ให้ทำอย่างที่ผมทำ คือไม่เลือกว่า เป็นพื้นที่ของใคร เพราะทั้งหมดคือคนไทยทั้งประเทศ อย่าไปแยกแยะคนนั้นคนนี้ วันนี้หลายโครงการเกิดขึ้น งบประมาณที่ใช้จ่ายก็ไม่ได้มากมายกว่าเดิมมากนัก ทุกอย่างยังรักษาสภาพคล่องของรัฐบาล ไม่ได้ทำความเสียหายให้กับประเทศเลย

"ขอตั้งข้อสังเกตนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองหนึ่งที่ระบุว่า เราจะควบคุมช่วยเหลือชาวนาอย่างแท้จริง รัฐบาลจะรับซื้อข้าวทุกเม็ดจากชาวนานั้น ช่วยบอกหน่อยจะใช้งบประมาณจากไหนมารับซื้อในราคาสูง จะเอาคลังที่ไหนไปเก็บข้าว ที่ผ่านมาซื้อแล้วก็มาเก็บในคลัง เน่าอยู่แบบนั้น เพราะขายใครไม่ได้ คิดแบบนี้ไม่ได้ ผมไม่ได้ว่า ใครแต่ก็ต้องสอนวิธีคิดใหม่ ต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ รัฐบาลทำเองทั้งหมดไม่ได้ และไม่มีใครในโลกนี้ทำกันฟังดูเหมือนดี ผมพูดตรงกลาง ไม่ว่า ใคร พรรคไหนจะออกมาพูดเช่นนี้ ผมก็ทักท้วงทั้งหมด รวมถึงพรรคที่เอาชื่อผมไปขึ้นอยู่ ผมเป็นธรรมนะแต่เขาคงจะตั้งใจ แต่ไม่พูดดีกว่า ไม่พูดไม่เกี่ยว วันนี้ผมมาตรวจราชการแต่ต้องนึกถึงหลักความเป็นจริง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องอยู่กันด้วยความรัก ความสามัคคี วันนี้เรามีปัญหามากมายเราต้องแก้กันด้วยกฎหมาย ทยอยแก้ไข ถ้าไม่ใช้กฎหมายเรื่องก็จะทับซ้อนเป็นปัญหาหมักหมม ยืนยันว่า นายกฯไม่ได้ฟังข้อมูลจากราชการเพียงฝ่ายเดียว ตนไม่ฉลาดน้อยแบบนั้นวันนี้ความรับผิดชอบทั้งหมดอยู่ที่นายกฯ อะไรก็อยู่ที่นายกฯ ทั้งหมด เพราะฉะนั้นนายกฯ คือคนที่สำคัญที่สุด อยากได้นายกฯอย่างไรก็ไปเลือกตั้งกันมา ไม่ต้องมายุ่งกับผม เพราะเราต้องดูแลคนทั้งประเทศ รักใครชอบใครก็เลือกคนนั้น แต่ต้องนึกถึงบ้านเมืองด้วยว่า จะอยู่ต่อไปอย่างไร วันนี้ผมมาด้วยความรัก ถ้าไม่รักก็ไม่มา รักทุกคน อย่าเกลียดชังฉันนักเลย เพราะถ้าตามใจมากก็จะเละเทะ ทุกอย่างต้องมีการหารือและแก้ปัญหา