EXIM BANK บนภารกิจ TEAM THAILANDรุกตลาด “บลูโอเชี่ยล”

by ThaiQuote, 31 มกราคม 2560

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวถึงบทบาทการทำงานของธนาคาร EXIM BANK ว่า การทำงานมีความแตกต่างจากอดีตมากเนื่องจากทุกวันนี้บริบทของเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงไปมาก ฉะนั้นการบริหารจัดการหรือพันธกิจเดิมอาจจะใช้ไม่ได้ทั้งหมดในวันนี้ “สิ่งที่เรามุ่งเดินหน้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปก็คือการหาโมเดลใหม่หรือรูปแบบใหม่ ในการที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งผู้ประกอบการ Start up และ SMEs บริษัทฯหรือแม้กระทั่งการให้โอกาสนักลงทุนรายใหญ่ที่จะไปลงทุนในต่างประเทศ” ทั้งนี้เนื่องเพราะจากนี้ไปนักลงทุนไทยไม่ใช่แค่การส่งออกเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการที่มีศักยภาพไปยังต่างประเทศเนื่องจากรูปแบบของการทำการที่เปลี่ยนไป “เมื่อก่อน Toyota ส่งรถจากญี่ปุ่นมาเมืองประเทศไทย ผ่านไป 10-20 ปีญี่ปุ่นมาตั้งโรงงานนำชิ้นส่วนมาประกอบในประเทศไทย จะทำให้ได้เปรียบในเรื่องเชิงของภาษีนำเข้า การตั้งโรงงานและการสร้างงานเพราะฉะนั้นโมเดลของโลกในปัจจุบันตอนนี้คือ ไม่ใช่การส่งสินค้าสำเร็จรูปไปยังประเทศเป้าหมายแต่รวมถึงการที่ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเป้าหมาย ” ดร.รักษ์ กล่าวว่าภาพเหล่านี้จะเป็นบริบทในการให้สินเชื่อ ไม่ได้ให้สินเชื่อเพื่อการส่งออกอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีสินเชื่อในแบบใหม่ ๆที่เราช่วยเหลือผู้ประกอบการคือ“สินเชื่อรูปแบบใหม่ย้ายฐาน สินเชื่อเพื่อศักยภาพในการผลิต” อย่างไรก็ตามการให้สินเชื่อทุกรูปแบบแม้ว่าจะมีการเข้าถึงลูกค้าที่หลากหลาย แต่ยังไม่เพียงพอ ทั้งนี้หากดูจากสถิติผู้ประกอบการในประเทศไทย 2.8 ล้านรายที่เป็น SMEs ในจำนวนนี้ไม่ถึง 4 หมื่นราย ที่อยู่ในระบบการส่งออก ถือว่าเป็นตัวเลขที่น้อยมาก แม้ว่าหลายคนอยากเป็นผู้ประกอบการส่งออก ซึ่งตัวเลขพบว่าทุก ๆ ปีมีผู้ประกอบการหน้าใหม่ เดินเข้ามาสู่ธุรกิจส่งออกปีละไม่ถึง 1 หมื่นราย แต่ในจำนวนนี้พบว่าอยู่รอดเพียงประมาณ 2,000 รายเท่านั้น “ปัจจัยสำคัญคือธุรกิจการส่งออกไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะมีเอกสารที่เข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก ซึ่งแม้ผู้ประกอบการยังรู้ไม่หมดดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีผู้ช่วยอย่างธนาคาร ” โดยเฉพาะความเป็นธนาคารของรัฐนอกจากให้เงินแล้วเรายังจะต้องให้ความรู้ กับผู้ประกอบการด้วย ธนาคารธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยภายใต้การบริหารของ คุณพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการจึงได้พัฒนาการทำงานในมิติใหม่คือการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะปัจจัยของโลก และผู้ประกอบการที่เปลี่ยนไป เรามีบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาช่วยทำแผนยุทธศาสตร์หรือ Business Model ใหม่ เพื่อที่จะให้เราสามารถที่จะเข้าถึงผู้ประกอบการได้เร็ว ให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที พร้อมกับการคิดภาพอนาคต และเป็นกลไกของรัฐในการที่จะบุกตลาดใหม่ๆ ล่าสุดนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีพยายามไปสร้างความสัมพันธ์กับประเทศใหม่ ๆ เช่น ประเทศอิหร่าน รัสเซีย หรือการเป็นพันธมิตรกับประเทศใหม่ๆ อาทิเช่น มัลดีฟ ศรีลังกา ประเทศเหล่านี้จะเป็นสมรภูมิการค้าแห่งใหม่ อย่างไรก็ตามการไปตลาดใหม่ แม้ตัวเลข GDP จะเติบโตโตอย่างน่าประทับใจ แต่พบว่ายังมีความเสี่ยงมากเช่นกัน “ถ้าคุณจะค้าขายกับตลาดที่เรียกว่าบลูโอเชี่ยนคุณต้องใส่เสื้อเกราะ คุณต้องบริหารความเสี่ยงเก่ง ไม่ใช่บริหารความเสี่ยงเก่งเพียงอย่างเดียว สินค้าคุณต้องดีระบบการเงินที่มีประสิทธิภาพด้วย ” ดร.รักษ์ กล่าวว่าขณะที่เราแสวงหาตลาดใหม่ก็จะต้องให้ความรู้กับผู้ประกอบการเช่นกัน สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของ EXIM BANK ในการที่จะต้องเพิ่มองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการที่จะต้องแข่งขันในเวทีโลกแห่งใหม่ อาทิเช่นประเทศในกลุ่ม CLMV ที่มี การขยายตัวทางเศรษฐกิจบางประเทศสูงถึงเกือบ 10 % “นอกจากนี้ตลาดกลุ่มประเทศอาเซียน วันนี้ที่เราบอกว่าเราเป็น “อาเซียนฮับ” เป็นGateway to Asian  คุณเป็นประตูจริงแล้วหรือยัง คุณรู้จักเพื่อนตัวเองดีพอแล้วหรือยังในการที่จะหาตลาดอาเซียนใหม่ เพราะฉะนั้นรสนิยมของเขา ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม  ภาษา สิ่งเหล่านี้เราอาจจะต้องกลับมาสนใจมากขึ้นกว่าเดิม ” อย่างไรก็ตามเมื่อบริบทเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนเราเองต้องปรับบทบาทใหม่ ในฐานะธนาคารฯเราจะต้องไปสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการหรือสิ่งที่เรียกว่า “ทีมไทยแลนด์”ไปคู่กับ BOI คู่กับกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงการต่างประเทศ และนำโอกาสที่เราได้เห็นกลับมาให้มุมมองผู้กับประกอบการว่ายังมีโอกาสอยู่ “ภายในปีนี้เรากำลังจะเปิดสำนักงานตัวแทนที่กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ จะเป็นออฟฟิศแห่งแรกของ EXIM BANK และในอนาคต เราก็จะไปเปิดและขยายตัวที่ในทุกประเทศ CLMV และในกลุ่มอาเซียน ” ดร.รักษ์ กล่าว เครดิตภาพ + ข่าว www.thealami.com
Tag :