หวัดใหญ่ระบาดหนักปีนี้ “สธ.”แนะเด็กป่วยต้องหยุดเรียน

by ThaiQuote, 8 กุมภาพันธ์ 2560

นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าการพบเชื้อไข้หวัดใหญ่มากขึ้นในปีนี้เป็นไปตามที่กรมควบคุมโรคพยากรณ์เอาไว้เมื่อปลายปี 2559 ว่าไข้หวัดใหญ่เป็น 1 ในโรคที่มีแนวโน้มต้องเฝ้าระวังในปี 2560 แล้ว ซึ่งเมื่อมีเด็กป่วยมาก การปิดโรงเรียนเพื่อทำความสะอาดถือเป็นมาตรการที่ถูกต้อง

ขณะนี้ทราบว่าในกทม.มีโรงเรียนที่ต้องปิดเรียนประมาณ 3-4 แห่ง ส่วนในภูมิภาคประมาณ 1-2 แห่ง แต่หลายแห่งเปิดเรียนตามปกติแล้ว สำหรับการพิจารณาปิดโรงเรียนนั้นไม่ได้มีเกณฑ์แน่นอนแต่จากการระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ 2009 เมื่อหลายปีก่อนจะดูว่าหากเด็กขาดเรียนประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนในห้องก็จะสั่งหยุดชั่วคราว เรื่องนี้ครูและพ่อแม่ต้องให้ความสำคัญถ้าเด็กป่วยขอให้หยุดอยู่บ้าน พาไปหาหมอ แต่ที่ผ่านมาพ่อแม่ไม่ค่อยให้หยุดเป็นเพราะเด็กห่วงเรียน พ่อแม่ต้องไปทำงานเลยไม่สะดวกให้เด็กอยู่บ้านคนเดียว แต่อยากให้ตระหนักด้วยว่าอาการไข้ต่ำ ๆ ในเด็กนั้นสามารถเป็นได้หลายโรค ทั้งไข้เลือดออก มือเท้าปาก ซึ่งสามารถแพร่สู่เด็กคนอื่นได้จึงต้องใส่ใจ ส่วนวัคซีนมีการนำเข้ามา 3 ล้านโดสเพื่อฉีดให้กลุ่มเสี่ยง โดยจะมีการฉีด 2 ช่วงคือเม.ย. และต.ค.

          ด้าน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าไข้หวัดใหญ่ปีนี้ถือว่าไม่ได้มีความแตกต่างจากการระบาดในปีที่ผ่าน ๆ มา มักระบาดใหญ่ในช่วงหน้าฝนเดือนมิ.ย.-ก.ค. แล้วค่อยมาระบาดเล็ก ๆ อีกครั้งในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค. ดังนั้นการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคจึงควรฉีดช่วงก่อนเข้าหน้าฝน ประมาณเดือน พ.ค.หรือก่อนเปิดเทอม

ทั้งนี้ปัจจุบันสายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศส่วนมากเป็นเอช3 เอ็น2 (H3N2) ซึ่งวัคซีนที่ใช้ถือว่าครอบคลุมแต่ก็อาจจะไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะยังมีผู้ป่วยแม้จะได้รับวัคซีนแล้วก็ตามซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เชื้อไวรัสจะมีการพัฒนาตัวเองออกห่างจากวัคซีนที่ใช้อยู่ไปเรื่อย ๆ แต่ประเทศไทยก็คงทำอะไรไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นผู้ผลิตวัคซีนเองเรานำเข้ามา ซึ่งการกำหนดการผลิตวัคซีนแต่ละปีจะป้องกันสายพันธุ์ใดบ้างนั้นอยู่ที่องค์การอนามัยโลกกำหนดโดยดูจากตัวที่ใกล้เคียงการระบาด

          “สิ่งสำคัญคือการดูแลสุขอนามัยส่วนตัวคือทำร่างกายให้อบอุ่น หมั่นล้างมือ และสิ่งสำคัญคือการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคสู่ผู้อื่น ซึ่งวิธีที่ถูกต้องคือเอาด้านสีเข้มหรือด้านเนื้อละเอียดกว่าอยู่ด้านนอก มีโลหะอยู่ด้านบนสันจมูก กดโลหะให้แนบจมูกให้สนิทใช้แต่ละอันไม่เกิน 1 วัน ไม่เอามือจับหน้ากาก มาจับใบหน้า จับแล้วต้องล้างมือทุกครั้ง” ศ.นพ.ยง กล่าว