นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังร่วมสัมมนาผู้บริหารสูงสุดรัฐวิสาหกิจ หรือ SOE CEO Forum ว่าหลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้มีมติให้กระทรวงการคลังจัดตั้งกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ วงเงิน 100,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนปิดไม่จำกันอายุกองทุน โดยเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบันทั้งภาคเอกชน และรัฐวิสาหกิจ รวมถึงประชาชนทั่วไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวได้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดขายกองทุนเป็นครั้งแรกได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน 2560 ซึ่งจะระดมทุนก้อนแรกประมาณ 40,000 -50,000 ล้านบาท เบื้องต้นโครงการที่จะนำมาแปลงเป็นหน่วยลงทุนคือ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือกทพ. ซึ่ง ในวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการหรือบอร์ด เพื่อพิจารณาเส้นทางที่จะนำเข้ามาแปลงเป็นหน่วยลงทุน นอกจากนี้ในส่วนของบริษัทอื่น ๆเช่นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยสามารถนำโรงไฟฟ้าหรือสายส่ง มาเข้ากองทุนได้เช่นเดียวกันเพื่อระดมเงินไปลงทุนในโครงการต่าง ๆ เป็นต้น “ในเบื้องต้นจะมีโครงการของกทพ.เข้ากองทุนฯก่อน ซึ่งจะระดมทุนประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท โดยจะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปก่อนและคนที่มาจองจะต้องได้ทั้งหมดทุกคน ส่วนในเรื่องของผลตอบแทนนั้นยังไม่ได้ระบุว่าจะต้องได้เท่าไหร่ แต่ที่คุยกันก่อนหน้านี้คือผลตอบแทนประมาณ 7 – 8 % ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์อยู่ในระดับต่ำ และกองทุนฯนี้ก็ค่อนข้างปลอดภัย” นายอภิศักดิ์ กล่าว ขณะที่นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. กล่าวเพิ่มเติมว่าช่วงบ่ายกทพ.จะพิจารณาเลือกเส้นทาง เบื้องต้นมี 3 เส้นทางประกอบด้วย 1.เอกมัย-รามอินทรา 2.ทางพิเศษบูรพาวิถี 3.ดาวคะนอง ต่อวงแหวนรอบนอก ซึ่งเมื่อดูการจราจรแล้วพบว่าอัตราผลตอบแทนค่อนข้างดี สำหรับหลักการนั้นยกตัวอย่างเช่นใน 1 ปี กทพ.มีรายได้จากโครงการดังกล่าว 100 ล้านบาท จะเลือก 40 – 60 % มาขายให้กับนักลงทุนเช่น 40 ล้านบาทหรือ 40 % วงเงินประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท เพื่อเอาเงินที่ได้จากการขายให้กับนักลงทุนให้กทพ.ไปลงทุนต่อ ซึ่งการขายนั้นจะใช้หลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. “ในส่วนของขั้นตอนนั้น เมื่อประชุมและคัดเลือกเส้นทางได้แล้วจะส่งให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาก่อนส่งให้คณะกรรมการขับเคลื่อนที่มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน และเสนอให้ครม.อนุมัติ ก่อนยื่นไฟลิ่งให้กับก.ล.ต. คาดว่าจะประมาณเดือนมีนาคม 2560 ตามแผนเดิม และคาดว่าจะเสนอขายในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2560 ในส่วนของการจ่ายผลตอบแทนนั้นเราประเมินจากการเก็บค่าผ่านทางซึ่งเราเห็นจากโครงการอยู่ที่ 7 – 8 % ถือเป็นระดับที่สูง เนื่องจากมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก ซึ่งการระดมเงินที่ได้ก็จะให้กับกทพ.ทั้งหมดเพื่อนำไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่อ” นายเอกนิติ กล่าว   ทั้งนี้ ในส่วนเงินระดมทุนที่ได้ของกทพ.นั้น คาดว่าจะนำไปสร้างโครงการอื่นๆต่อ โดยคาดว่าจะให้ครม.อนุมัติเร็วๆนี้ คือ เส้น พระราม 3-ดาวคะนอง และเส้นเกษตรนวมินทร์