จัดระเบียบเกี่ยวกับการสงเคราะห์ผู้ที่ทำการขอทาน, การควบคุมการขอทานและแยกผู้แสดงความสามารถออกจากการเป็นผู้ทำการขอทาน ซึ่งกำหนดให้มีคณะกรรมการควบคุมการขอทาน มีรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นประธานทำหน้าที่เสนอนโยบาย มาตรการควบคุมการขอทาน แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาและดำเนินการกับผู้แสวงหาผลประโยชน์จากการขอทาน ห้ามมิให้บุคคลใดทำการขอทาน พร้อมระบุลักษณะที่ถือว่าเป็นการขอทาน เช่นการขอเงิน หรือทรัพย์สินการกระทำใดให้ผู้อื่นเกิดความสงสารและส่งมอบเงินหรือทรัพย์สินให้ รวมถึงไม่ให้มีการแสดงในที่สาธารณะโดยขอรับทรัพย์สินตามผู้ฟังสมัครใจ ซึ่งการเล่นดนตรีในที่สาธารณะต้องมีการขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานในท้องถิ่นนั้นก่อนและกฎกระทรวงต้องมีการกำหนดพื้นที่ในการแสดง นอกจากนี้ยังกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ใช้บังคับขู่เข็ญ จ้างวาน ยุยงส่งเสริมกระทำด้วยวิธีการใดให้ผู้อื่นขอทาน หรือนำบุคคลอื่นเป็นประโยชน์ต่อการขอทานของตนด้วย

         ทั้งนี้ภายหลังพิจารณาจนจบครบทุกมาตราในวาระที่ 2 แล้วที่ประชุมได้ลงมติวาระ 3 เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ควบคุมการขอทานพ.ศ.....ด้วยคะแนน 178 ต่อ 2 งดออกเสียง 7 ซึ่งจะประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

          ขณะที่นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการฯกล่าวว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่สำคัญของกลุ่มผู้พิการและผู้มีความสามารถในการแสดงออกในที่สาธารณะ ซึ่งเฝ้ารอมานานถึง 75 ปีและเป็นกฎหมาย 1 ใน 3 ฉบับที่เสนอโดยสมาชิกสนช. โดยร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ จะจำแนกกลุ่มขอทานเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มขอทานและกลุ่มวณิพกหรือศิลปินเปิดหมวกให้ชัดเจน และมีบทลงโทษกับผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์จากการขอทาน หลังจากกฎหมายฉบับนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะมีเวลา 90 วัน ที่จะไปดำเนินการออกระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้มีคณะกรรมการพิจารณาไปบางส่วนแล้ว หลังจากนั้นบุคคลที่เป็นวณิพกจะต้องจดแจ้งลงทะเบียนที่สำนักงานเขตซึ่งจะมีบัตรที่สามารถทำการแสดงได้ ส่วนคนที่ไม่ได้ลงทะเบียนถือเป็นขอทานที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามหลังจากที่พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้ ทางคณะกรรมาธิการฯจะได้จัดให้มีงานมหกรรมวณิพกขึ้นที่รัฐสภา