จากการสำรวจโครงการต่าง ๆ ในเบื้องต้นจะมีหน่วยงานที่ใช้ยางพาราในการทำโครงการต่าง ๆ ดังนี้ สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว มีโครงการปรับปรุงลานกีฬา สนามเด็กเล่น จำนวน 200 แห่ง สำนักการโยธาจะมีการก่อสร้างปรับปรุงผิวจราจรและทางเท้า จะใช้ยางพาราเป็นส่วนประกอบการก่อสร้าง สำนักการระบายน้ำ จะใช้ยางพาราเป็นส่วนในการจัดทำอุปกรณ์ต่างๆ เช่นทุ่นลอยน้ำ สำนักการศึกษา จะปรับสภาพสนามในโรงเรียนกทม.ทั้ง 438 โรงเรียน  สำนักสิ่งแวดล้อมจะปรับปรุงลู่วิ่งในสวนสาธารณะ

นอกจากนี้ กทม.จะปรับปรุงเส้นทางจักรยานในสวนวชิรเบญจทัศหรือสวนรถไฟ สำนักการจราจรและขนส่ง จะจัดทำเส้นทางจักรยานในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยใช้ยางพาราเป็นส่วนประกอบเช่นกัน   ขณะที่สำนักพัฒนาสังคมจะคัดเลือกสินค้าที่ผลิตจากยางพารามาเป็นผลิตภัณฑ์บางกอกแบรนด์ เพื่อส่งเสริมการผลิต โดยทุกโครงการของกทม. จะช่วยในการจัดซื้อยางพาราจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 2,000 ตัน

ผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่าโครงการช่วยเหลือดังกล่าว อาจต้องปรับราคากลางของโครงการและใช้งบประมาณเพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่ก็ถือเป็นการทำเพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งอาจไม่ใช่การแก้ปัญหาให้แก่เกษตรกรทั้งหมด แต่ขณะนี้กทม.ก็จะให้ความช่วยเหลือเท่าที่ทำได้อย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนนโยบายการช่วยเหลือเกษตรกรสวนยางพาราของรัฐบาล

ทั้งนี้การรับซื้อยางพาราเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาลในครั้งนี้ กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ทันทีที่มีการเผยแพร่ออกไปทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ โดยมีการแสดงความเห็นและชื่นชมกทม.ที่ออกมาสนองรับกับการช่วยเหลือเกษตรกร ขณะที่อีกหลายความเห็นก็นำไปเปรียบเทียบถึงโครงการต่างๆ ของกทม.ก่อนหน้านี้ที่มีการใช้เม็ดเงินเป็นจำนวนมาก ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเสนอให้กทม.เร่งนำยางพาราไปหุ้มกล้อง CCTV หลังมีการกล่าวหาว่า มีกระแสไฟฟ้ารั่วและเป็นอันตรายถึงชีวิต