“จากการคำนวณปริมาณน้ำที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งมีอัตราปล่อยออกจากเขื่อนประมาณ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้มั่นใจได้ว่าน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค รวมถึงน้ำในส่วนของการใช้เพื่อผลักดันน้ำทะเลจะยังคงมีเพียงพอต่อความต้องการ ไปจนถึงช่วงฤดูฝนคือราวต้นเดือนกรกฎาคม จากนั้นก็จะเข้าสู่ช่วงฤดูฝนที่ทางกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า สภาวะเอลนินโญ่จะตีกลับกลายเป็นสภาวะลานินญ่าคือเริ่มมีฝนตก แต่ทั้งนี้แม้จะมีน้ำเพียงพอไปจนถึงช่วงฤดูฝนแต่ก็ยังต้องอยู่ในโหมดของการใช้น้ำอย่างประหยัดและมีวินัย เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งนั้นหลายๆ พื้นที่ยังประสบกับภาวะแล้งรุนแรง

                ขณะที่ พื้นที่ทางการเกษตรหลายพื้นที่ยังคงประสบปัญหาภัยแล้งต่อไป โดยส่วนหนึ่งประสบกับปัญหาเรื่องของระบบส่งน้ำ ซึ่งทางกรมทรัพยากรน้ำได้เร่งเข้าไปให้ความช่วยเหลือโดยพื้นที่ใดประสบปัญหารุนแรงสามารถแจ้งเข้ามาได้ และกรมฯมีเจ้าหน้าที่ประจำในหลายพื้นที่เพื่อสำรวจความต้องการและเข้าช่วยเหลือเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว

อย่างไรก็ตาม น้ำเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามีประโยชน์ นับวันยิ่งจะขาดแคลน ซึ่งในอนาคตอาจขาดแคลนได้อีก อยากให้ทุกคนใช้น้ำอย่างประหยัด ทั้งในภาคการอุปโภคบริโภค และในภาคการเกษตร และช่วยกันดูแลแหล่งน้ำ ใช้น้ำกันอย่างพอเพียงจะเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำได้” รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำฯ กล่าว