และเกิดแนวคิดที่จะให้มีการตรวจทางจิตเวช ก่อนขอสอบใบอนุญาตขับขี่ เกี่ยวกับเรื่องนี้  “นายสนิท พรหมวงษ์” อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยกับ “THAI QUOTE” ว่า “เรื่องทางจิต หรือจิตเวชต่างๆ ถือว่าอยู่ในหมวดเดียวกับเรื่องของสุขภาพ ซึ่งทุกวันนี้ทางกรมฯเองก่อนที่จะให้มีการสอบใบอนุญาตก็มีเงื่อนไขในเรื่องของใบรับรองแพทย์อยู่แล้ว โดยจะต้องเป็นใบรับรองแพทย์ไม่เกิน 1 เดือน ก่อนเข้าทำการสอบ ซึ่งเท่ากับว่าเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนอยู่แล้ว

เวลานี้หลังเกิดเป็นกระแสเกี่ยวกับอุบัติเหตุต่างๆ ทางกรมฯกรมก็ได้มีแนวทางในเรื่องที่จะไปตรวจสอบเรื่องของคุณภาพใบอนุญาต ทั้งชั่วโมงการอบรม จำนวนข้อสอบ การเน้นเรื่องของสมรรถภาพร่างกาย รวมถึงเรื่องของการปฏิบัติจริง ซึ่งถือว่าการสอบใบอนุญาตในปัจจุบัน ค่อนข้างยาก และใช้เวลาขั้นตอนพอสมควร จนมีเสียงสะท้อนกลับมามาก

อย่างไรก็ตามกรมฯตระหนักดีถึงสาเหตุสำคัญที่มักก่อให้เกิดอุบัติเหตุที่ส่วนใหญ่แล้วน่าจะเกิดจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ จึงเน้นให้มีการปิดช่องทางต่างๆ ที่ไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับเรื่องการสอบใบอนุญาตขับขี่ ทั้งเรื่องใบขับขี่ปลอมและช่องทางลัดต่างๆ เป็นแนวทางคู่ขนานที่ทำพร้อมๆ ไปกับ การเปิดให้เอกชน เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างมาตรฐาน คล้ายๆ กับการทำงานของตรอ.คือเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนเกี่ยวกับการทำแบบทดสอบ หรือสร้างมาตรฐานต่างๆ โดยทางกรมจะกำกับดูแลในทุกกระบวนการขั้นตอน เพื่อให้เกิดมาตรฐานและคุณภาพสูงสุดสำหรับทุกๆ ใบอนุญาตขับขี่ที่ออกไป ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่มาขอสอบ ผู้ที่มาขอต่ออายุ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนมากอยู่แล้ว ให้ได้รับใบอนุญาตที่มีคุณภาพมากขึ้น

รวมทั้งยกระดับการสอบใบอนุญาตในส่วนภูมิภาคที่หลายจังหวัดก็ได้มีบันทึกข้อตกลงร่วมกัน สร้างมาตรฐานเดียวกัน เพื่อยกระดับใบอนุญาตให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น” นายสนิทกล่าว 

นอกจากนี้ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกยังกล่าวต่ออีกว่า “ในเรื่องของการตรวจจิตเวช และโรคทางด้านประสาท นั้น ยอมรับว่ากรมฯ ได้เคยมีการหารือกับทางกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งมีข้อสรุปคือ ทางการแพทย์การตรวจสอบดังกล่าวก่อนที่จะไปขอทำใบอนุญาตขับขี่นั้นคงเป็นเรื่องที่ลำบาก เพราะต้องใช้เวลาและบุคลากรเป็นจำนวนมาก ในเวลานี้จึงเน้นไปที่เรื่องของการตรวจสอบมาตรฐานและคุณภาพในการขอสอบ และการสอบใบอนุญาตขับขี่ให้มีประสิทธิภาพให้ได้ก่อน” นายสนิทกล่าว