สำหรับข้อดีของน้ำเต้าหู้นั้น เริ่มจากน้ำเต้าหู้มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายทั้งโปรตีนที่มีสูงเทียบเท่ากับโปรตีนที่อยู่ในนมวัวเลยทีเดียว แต่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่เป็นประโยชน์มากกว่าในนมวัว และสารที่เรียกว่า “ไฟโตเอสโตรเจน” (Phytoestrogen) ช่วยในการป้องกันโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งการรับประทานน้ำเต้าหู้เป็นประจำสามารถลดการเกิดมะเร็งชนิดนี้ลงได้ และสารไฟโตเอสโตรเจนยังช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน และลดอาการวิตกกังวลที่อาจเกิดขึ้นได้ในวัยทอง

นอกจากนี้ข้อมูลของสำนักงานบริหารอาหารและยารักษาโรคของสหรัฐอเมริกา หรือ FDA ระบุว่าโปรตีนถั่วเหลืองและกรดไขมันไม่อิ่มตัวจะลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้ หากรับประทานโปรตีนถั่วเหลืองในปริมาณ 25กรัมต่อวัน

              ทว่าในข้อดีก็มีข้อเสียอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่ง The Weston A. Price Foundation in Washington, DC USA มีผลวิจัยชี้ให้เห็นว่าการกินโปรตีนถั่วเหลืองผง 30 ซีซีทุกวัน สามารถทำให้เกิดความผิดปกติที่เต้านมจากฤทธิ์ของฮอร์โมนเอสโตรเจน และขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อและมีแนวโน้มที่จะทำให้เป็นหมัน

              นอกจากนี้การรับประทานโปรตีนถั่วเหลืองในปริมาณที่มากเกินไป ยังช่วยให้เกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิง เนื่องจากกระบวนการผลิตโปรตีนถั่วเหลืองทำให้เกิดสารพิษที่เรียกว่า “ไลซิโน อะลานีน” และสารก่อมะเร็งชื่อว่า “ไนโตรซามีน”

และสารสกัด isoflavones จากถั่วเหลืองและโฮโมนที่มีคุณสมบัติคล้ายแอสโตรเจน ที่ทำหน้าที่ช่วยให้คุณดูหนุ่มแน่นและสุขอนามัยสมบรูณ์ แต่เมื่อร่างกายได้รับในปริมาณที่มากเกินไปอาจจะเป็นการช่วยเร่งให้ร่างกายเติบโตเกินวัย เช่นในผู้หญิงจะพบว่าเด็กจะมีประจำเดือนที่ก่อนเวลาอันควร หรือมีรอบเดือนมาไม่ปกติ

               อีกทั้งถั่วเหลืองมีสารที่ทำให้โปรตีนจับตัวกันเป็นก้อน ที่เรียกว่า Hemagglutinin ทำให้เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวจับกันเป็นก้อน ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดเสียไปและควรควบคุมเรื่องของปริมาณน้ำตาลที่อยู่ในน้ำเต้าหู้ตามร้านทั่วไปด้วยเช่นกัน เพราะแทนที่จะช่วยให้คุณลดน้ำหนักอาจกลายเป็นสาเหตุให้เกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน ได้อีกด้วย

               ดังนั้นแม้น้ำเต้าหู้จะมีประโยชน์มากมาย แต่หากดื่มในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน ฉะนั้นหากใครคิดจะดื่มน้ำเต้าหู้ก็ขอแนะนำให้ดื่มในปริมาณที่พอดีพอเหมาะและพอควร