สาเหตุการลาออกในครั้งนี้ เนื่องจากมีความจำเป็นที่จะต้องดูแลครอบครัวประกอบกับมีปัญหาสุขภาพ ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างรัฐมนตรีและปลัดแต่อย่างใด รวมถึงไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการปิดเหมืองทองคำ และไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานภายในกระทรวงอย่างแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมานายอาทิตย์ได้แสดงความจำนงจะยื่นใบลาออกตั้งแต่ธ.ค.58แล้ว แต่ช่วงนั้นทางกระทรวงมีงานที่ต้องดำเนินการจำนวนมาก จึงขอร้องให้นายอาทิตย์อยู่ช่วยงานต่อ และขณะนี้นายอาทิตย์ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ พร้อมเร่งสะสางงานที่รับผิดชอบ ทั้งการปรับโครงสร้างอ้อยและน้ำตาล การแก้ไขและนำไปสู่การบังคับใช้พ.ร.บ.ประกอบกิจการโรงงานที่มีการปรับปรุงใหม่ รวมถึงการทำงานในคณะกรรมการชี้นำยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนการเพิ่มผลิตภาพนวัตกรรมและมาตรฐานภาคอุตสาหกรรม (สปริงบอร์ด) เพื่อเพิ่มผลิตภาพในการขับเคลื่อนการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม โดยในอนาคตอาจจะมีการเชิญให้นายอาทิตย์เข้ามาช่วยดูแลและเป็นที่ปรึกษางานของกระทรวงอุตสาหกรรมต่อไป

          ทั้งนี้ขั้นตอนต่อไปคงต้องรายงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบก่อน หลังจากนั้นจึงจะมีหารือถึงตัวบุคคลที่จะเสนอชื่อแต่งตั้งให้เป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมคนใหม่ต่อไป ซึ่งคงจะมีการแต่งตั้งก่อนถึงฤดูกาลโยกย้ายประจำปีในช่วงเดือนต.ค.59 นี้ แต่จะเสนอชื่อให้ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พิจารณาก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เห็นชอบอีกครั้ง

          รายงานข่าวเปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือน ที่ผ่านมา นายอาทิตย์ได้มีการพูดคุยกับคนใกล้ชิดถึงความต้องการที่จะลาออกจากตำแหน่งในช่วงเดือนมิ.ย.อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นเดือนเกิดของตนที่จะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ก่อนที่จะครบอายุเกษียณราชการในช่วงเดือนต.ค.59 ซึ่งเห็นว่า หากรอให้หมดอายุราชการตามปีงบประมาณจะเกิดปัญหาขาดบุคลากรในการทำงาน เพราะจะมีผู้บริหารทั้งระดับสูงและระดับปฏิบัติการของกระทรวงจะเกษียณอายุราชการหลายตำแหน่งเช่นกัน ทำให้ต้องเสียเวลาในการแต่งตั้งข้าราชการเข้ามาทำงานอีก 2-3 เดือน ส่งผลให้การทำงานสะดุด ล่าช้า ขาดความต่อเนื่อง ทั้งที่กระทรวงมีภารกิจสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการตามนโยบายของภาครัฐ นอกจากนี้ นายอาทิตย์ยังมีครอบครัวที่ต้องดูแล และปัญหาสุขภาพส่วนตัวที่ต้องการเวลาพักผ่อนด้วย

 ที่มา : thaiquote