กม.หลักประกันธุรกิจ เปิดช่องขอสินเชื่อง่ายขึ้น

by ThaiQuote, 5 กรกฎาคม 2559

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง  กล่าวว่าขณะนี้การดำเนินการตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2558 และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2559 กฎหมายดังกล่าวกำหนดให้มีการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ไม่สามารถจำนอง หรือจำนำมาใช้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ในลักษณะที่ผู้ให้หลักประกันไม่ต้องส่งมอบการครอบครองทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันให้แก่ผู้รับหลักประกัน อันจะเป็นการเพิ่มช่องทางในการนำทรัพย์สินมาเป็นหลักประกัน ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น โดยสามารถนำกิจการ สิทธิเรียกร้อง สินค้าคงคลัง วัตถุดิบในการผลิตสินค้าและทรัพย์สินทางปัญญามาเป็นหลักประกันได้ อีกทั้งกฎหมายนี้จะมีระบบบังคับหลักประกันที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ให้หลักประกัน และยังเป็นการลดภาระของศาลและเจ้าพนักงานบังคับคดีด้วย

             นายกฤษฎา กล่าวว่า กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจเป็นกฎหมายที่เปิดโอกาส และช่องทางให้ภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อได้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ส่วนสถาบันการเงินก็จะมีทางเลือกในการรับหลักประกันได้เพิ่มมากขึ้น มีความมั่นใจในการให้สินเชื่อ เนื่องจากหลักประกันมีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน รวมถึงกระบวนการบังคับหลักประกันตามกฎหมายมีความรวดเร็วขึ้นไม่ทำให้มูลค่าของหลักประกันด้อยค่าลง และเมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว ก็จะทำให้อันดับของความยากง่ายในการดำเนินธุรกิจ ( Ease of Doing Business) เพิ่มมากขึ้น อันจะแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเหมาะสมในการจัดตั้งธุรกิจ และเป็นประเทศที่น่าลงทุน ซึ่งจะส่งผลดีต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

             นายกฤษฎา กล่าวว่า ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2559 สำนักงานทะเบียนหลักประกัน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดให้จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ หากผู้ประกอบธุรกิจมีทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ ก็สามารถนำมาเป็นหลักประกันการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินได้ นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บุคคลอื่นเป็นผู้รับหลักประกัน พ.ศ. …. ซึ่งเป็นการกำหนดให้มีผู้รับหลักประกันเพิ่มเติมนอกเหนือจากสถาบันการเงิน เพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งร่างกฎกระทรวงนี้จะเป็นการกำหนดให้บุคคลอื่น สามารถเข้ามาเป็นผู้รับหลักประกันตามกฎหมายได้เพิ่มเติม เช่น นิติบุคคลเฉพาะกิจที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์ และผู้ประกอบธุรกิจแฟคตอริ่ง เป็นต้น