“บิ๊กป้อม”ร่วมทำลายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มูลค่าพันล. พาณิชย์ย้ำ “ไม่ซื้อ ไม่ใช้” หวังภาพลักษณ์ประเทศดีขึ้น

by ThaiQuote, 10 มีนาคม 2560

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เป็นประธานในพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว มีน้ำหนักประมาณ 300 ตันมูลค่าความเสียหายประมาณ 1,756 ล้านบาท โดยมี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งมีศิลปินดาราร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง สำหรับการดำเนินการครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังหน่วยปราบปราม ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ประกอบด้วยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)กรมประชาสัมพันธ์ และภาคเอกชนเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าคณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย รวมถึงภาครัฐภาค เอกชน ศิลปิน นักแสดง ปัจจุบันศาลทรัพย์สินทางปัญญาเพิ่มศักยภาพในการผลิตสินค้าและบริการนับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาระบบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จำเป็นต้องมีระบบการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้กับประชาชน เคารพสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่าคณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ได้จัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปราม โดยมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในแห่งราชอาณาจักรบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐ 15 หน่วยงานในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการบริการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาทุกประเภท ขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติของไทยมีประสิทธิภาพ และแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ซึ่งที่ผ่านมาปรากฏผลอย่างเป็นรูปธรรม ว่าการละเมิด ในท้องตลาดและการละเมิดบนอินเตอร์เน็ตมีปริมาณลดน้อยลง รองนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวต่อว่า ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือการปราบปรามทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในส่วนของการผลิตจำหน่ายและนำเข้าส่งออก ซึ่งยังเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญต่อการปราบปรามสินค้าและการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงพยายามป้องกันไม่ให้ของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุด ถูกนำกลับมาขายในตลาดอีกครั้ง จึงมีผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต ผู้แทนสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้าประเทศที่สำคัญ รวมทั้งผู้แทนหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนเจ้าของลิขสิทธิ์ ร่วมเป็นสักขีพยานเพื่อแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกคนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องการบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง จะเป็นหลักประกันและผลักดันให้ระบบคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยเข้มแข็งเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืน “ขอไม่ซื้อ ไม่ขาย ไม่ใช้เพื่อให้ต่างชาติยอมรับว่าเราเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ขณะนี้ส่วนใหญ่ประชาชนไม่ใช้แล้ว หากเราดำเนินการได้จะทำให้ประเทศปลอดภัยจากสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และการดำเนินการครั้งนี้เป็นการทำลายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มากที่สุด เป็นความร่วมมือทุกหน่วยงานรวมถึงประชาชน” รองนายกฯ กล่าว ขณะที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าปริมาณสินค้าของกลางเป็นผลของการปราบปรามจริงจังกับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังมากที่สุด ไม่ใช่แค่เฉพาะกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์เพียงเท่านั้นแต่ยังมีหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือทั้งกอ.รมน. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก  กรมสืบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกรมศุลกากร ถือเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันเพี่อที่จะเข้มงวดและเอาจริงเอาจังในการปราบปราม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้เกิดเป็นรูปธรรมก็คือปริมาณของสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่จับกุมได้ ขณะเดียวกันคณะกรรมการฯมุ่งหวังอย่างยิ่งว่าจะให้สิ่งเหล่านี้หายไปจากประเทศไทย ซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะอนุกรรมการปราบปรามได้ให้นโยบายอย่างชัดเจนคู่ขนานไปกับเรื่องของการปราบปราม คือเราจะต้องช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนไม่ใช่สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทรัพย์สินทางปัญญา “ไม่ใช้ ไม่ซื้อ” หากทุกฝ่ายร่วมกันโดยดำเนินการคู่ขนานไปกับการปราบปราม จะทำให้การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศไทยหมดไปในอนาคต สำหรับในด้านภาพลักษณ์ของประเทศไทยด้านการละเมิดลิขสิทธิ์นั้น การปราบปรามที่เราได้ทำนั้นเป็นมาตรฐานสากลที่ประเทศไทยได้แสดงออกถึงการทำงานในเรื่องนี้อย่างจริงจัง และมีเป้าหมายที่ต่อเนื่องและชัดเจนไม่ใช่แค่เพียงในระยะสั้น เพื่อแสดงออกว่าประเทศไทยเคารพตามหลักสากลในการให้ความเคารพต่อทรัพย์สินทางปัญญา แผนในปีนนี้การทำงานเชิงรุกโดยต่อเนื่อง เข้มงวด เอาจริงเอาจัง รณรงค์ปราบปรามดูในทุกด้าน รวมทั้งการละเมิดในแนวทางใหม่ ทั้งในส่วนของอินเตอร์เน็ต เคเบิ้ลทีวี เราทำอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของการละเมิดทางออนไลน์ เราดำเนินการทั้งในด้านการแก้กฎหมายเข้าไปดูแลถึงแหล่งข้อมูลต่าง ๆ การย้อนหลังไปผู้ที่ดำเนินการ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราเอาจริงเอาจัง คณะทำงานมั่นใจว่าสิ่งที่เราทำนั้นไม่ได้ทำเพื่อจะให้หลุดจาก PPWL แต่เราทำอย่างเป็นที่อย่างที่เราไม่เคยทำมาก่อน เชื่อว่าสิ่งที่เราทำนั้นเรามีความคาดหวังว่าไม่เพียงเฉพาะการจัดอันดับของสหรัฐอเมริกา แต่ต้องการให้ทั่วเห็นในสิ่งที่เราดำเนินการซึ่งเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
Tag :