“เกียร์ออโต้”เรื่องง่ายที่ไม่ง่าย อุบัติเหตุเกิดบ่อย ต้องเรียนรู้เพื่อความปลอดภัย

by ThaiQuote, 12 มีนาคม 2560

ข่าวคราวเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นรถตกตึก รถตกคลอง รถชนแผงกั้น ส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผลมาจากการเรื่องของเกียร์ออโต้ แต่ก็ใช้ว่า “เกียร์ออโต้” จะเป็นต้นเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้นเสมอไป เพราะเมื่อแยกออกมาเป็นสาเหตุแล้วจะมีทั้งในส่วนความผิดปกติของเกียร์ออโต้และตัวเครื่องยนต์รถ  ขณะที่อีกส่วนหนึ่งคือ “ความชำนาญ และความเชี่ยวชาญ” ของผู้ใช้รถเกียร์ออโต้เอง

ในส่วนแรกก็แก้ปัญหาด้วยการหมั่นตรวจสอบสภาพรถ และเกียร์ออโต้ให้อยู่ในสภาพพร้อมสำหรับการใช้งาน โดยช่างหรือศูนย์บริการที่มีความชำนาญก็พอจะช่วยบรรเทาหรือป้องกันปัญหาที่จะตามมาได้

แต่ในส่วนของ “ความชำนาญ และความเชี่ยวชาญ” ของผู้ใช้รถเกียร์ออโต้เอง ส่วนนี้ ต้อง”เรียนรู้” และ “ต้องหมั่นปฏิบัติ” ง่าย ๆกับ “เกียร์ออโต้”และการป้องกันอุบัติเหตุในเบื้องต้น 8 ข้อ ที่ควรต้องปฏิบัติเพื่อความปลอดภัย มีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย

ประการที่ 1. ก่อนจะซื้อรถหรือใช้รถเกียร์ออโต้ให้ปรึกษา หรือสอบถามข้อมูลการใช้อย่างละเอียดจากผู้ขายหรือศูนย์บริการหรือช่างที่ไว้ใจได้ซะก่อน เพราะปัจจุบันเกียร์ออโต้มีหลายประเภทและมีการใช้งานที่ยากง่ายแตกต่างกัน บางครั้งความ “ไม่รู้ข้อมูล” ของเกียร์ออโต้แต่ละประเภทก็เป็นต้นเหตุสำคัญของอุบัติเหตุได้เช่นกัน

ประการที่ 2. ก่อนจะใช้รถเกียร์ออโต้ควรจะตรวจสอบให้ละเอียดซะก่อนว่าไม่มีอะไรผิดปกติ และแก้ไขทันทีเมื่อพบว่าผิดปกติ แน่นอนว่าขั้นตอนนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะคุณต้องฝากชีวิตไว้กันเกียร์ออโต้ อย่าปล่อยให้มีสิ่งผิดปกติ หรือเมื่อเกิดสิ่งผิดปกติแล้วอย่ามองข้ามหรือละเลย หรือจะให้ดีก็เข้าหาช่างหรือศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบแต่เนิ่น ๆ จนแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรผิดปกติ

คราวนี้เมื่อผ่านสองข้อแรกมาแล้ว ก็เริ่มถอยรถออกมาเลยข้อนี้ก็สำคัญอีกเช่นกันโดยเฉพาะมือใหม่ ในข้อที่ 3. ก่อนจะเข้าเกียร์ออโต้ทุกครั้งควรเหยียบเบรกไว้ก่อน ความปลอดภัยเกิดจากจุดนี้ปกติแล้วเกียร์ออโต้ จะอยู่ในตำแหน่ง P หรือ รถหลายรุ่นบังคับให้ต้องเหยียบเบรกก่อนจะปลอดเกียร์ลงมาตำแหน่งอื่นๆ แต่ในรถรุ่นเก่าบางครั้งก็ไม่มีระบบนี้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยก่อนจะทำอะไรกับเกียร์ออโต้ (ทั้งรถเก่ารถใหม่) เหยียบเบรกเอาไว้ก่อนก็จะเป็นส่วนที่จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้ส่วนหนึ่ง

คราวนี้พอใส่เกียร์ R เพื่อถอยรถหรือใส่เกียร์ D เพื่อขับรถออกมาแล้ว ก็มาถึงข้อที่ 4. เมื่อต้องจอดรถเป็นเวลานาน ๆ ไม่ควรใส่เกียร์ในตำแหน่ง D ค้างไว้ ควรเลื่อนไปตำแหน่ง N หรือ P แล้วดึงเบรกมือไว้ การใส่เกียร์ D ไว้เป็นเวลานาน ๆ จะเกิดความร้อนสะสม ทำให้ชิ้นส่วนภายในห้องเกียร์สึกหรอ โดยเฉพาะพวกยางโอริง อายุการใช้งานก็จะสั้นลง และยังช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้อีกด้วยในกรณีที่ปล่อยเบรกจนรถไหลไปชนกับสิ่งที่อยู่ข้างหน้าได้

ข้อ 5.เมื่อต้องจอดรถ บนถนน (ชั่วคราว) เช่นในช่วงรถติดไฟแดง หรือช่วงรถติดสลับกันเคลื่อนที่ ไม่ควรใส่เกียร์ในตำแหน่ง P เพราะถ้าเกิดการชนจากข้างท้าย นอกจากจะทำให้เกียร์เสียหายแล้วยังทำให้เกียร์มีความผิดปกติได้ง่าย (ในกรณีที่ไม่รุนแรง) และความผิดปกตินั้น อาจจะเป็นผลให้การใช้รถในครั้งต่อไปเกิดปัญหากับเกียร์ออโต้ได้ การจอดรถในลักษณะดังกล่าวควรใช้ตำแหน่งเกียร์ N ซึ่งเป็นเกียร์ว่าง หรือหากหยุดรถไม่นานนัก (กรณีรถติดสลับกับเคลื่อนที่) ควรใช้ตำแหน่ง D และเหยียบเบรกเอาไว้ดีกว่า ส่วนตำแหน่ง P จะใช้สำหรับเวลาจอดสนิท หรือหยุดรถ และต้องไม่ลืมว่าเมื่อจะเข้าจอดแล้วต้องจอดในลักษณะขวางรถคันอื่น ควรปลดเกียร์ออกจากตำแหน่ง P ซึ่งในรถรุ่นใหม่ๆ หลายคนจะประสบกับปัญหา จอดรถแล้วไม่สามารถขยับเกียร์ได้ เลยไม่สามารถเข้าเกียร์ว่างได้

ให้ท่านสังเกตที่ปุ่ม “SHIFT LOCK” แล้วกดปุ่มพร้อม ๆกับเหยียบเบรค พร้อมโยกคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง N ก็จะสามารถปลดล๊อคให้รถที่ท่านขวางอยู่เข็นเลื่อนได้

6.ในเกียร์ออโต้รุ่นใหม่ๆ มักจะมีระบบต่างๆ เข้ามามากมาย นอกจากต้องศึกษาให้ดีแล้วยังต้องใช้ในเวลาที่จำเป็นเท่านั้น กรณีของเกียร์ 1 หรือ L นั้น ควรใช้ในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในกรณีที่ต้องการแรงบิดที่มากขึ้นเวลาขึ้นทางลาดชัน ติดหล่ม ลากรถขึ้นจากหล่ม หรือเวลาลงทางชัน ต้องการใช้เอ็นจินเบรก แทนการใช้เบรกที่ล้อที่จะเกิดความร้อนสะสมได้ การใช้เกียร์ออโต้ในตำแหน่ง 1 หรือ L นั้น ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะทางไกล ๆ เพราะจะทำให้เกิดความร้อนสะสมในห้องเกียร์ได้

7.เกียร์ออโต้นั้นได้มีระบบ “คิ๊กดาวน์”ในการแซง หรือในบางรุ่นจะมีปุ่มลดเกียร์โดยอัตโนมัติ (บางค่ายอาจเรียกว่า O/D OFF หรือ  OVERDRIVE ) สำหรับการลดเกียร์เพื่อเร่งแซงเช่นกัน การตอบสนองของรถแต่ละยี่ห้อ และรุ่นตอบสนองไม่เหมือนกัน บางรุ่นตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจ บางรุ่นจะมีหน่วงอยู่บ้าง ผู้ขับขี่ควรเรียนรู้และมีสร้างความคุ้นเคยกับรถที่ขับให้เป็นอย่างดี การเร่งแซงที่ผิดจังหวะ หรือกะระยะไม่ดี จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนี้ การใช้ระบบดังกล่าวช่วยบ่อยๆ ยังทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก และเปลืองเชื้อเพลิงโดยใช้เหตุอีกด้วย

8.ควรบำรุงรักษาเกียร์ออโต้ตามระยะเวลาและใช้ในสภาพที่เหมาะสม (ที่แต่ละค่ายเจ้าของยี่ห้อกำหนด) หรือควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันตามระยะเวลาและระยะทาง (ไมล์) ที่เหมาะสม แน่นอนว่า ข้อสุดท้ายนี้ เป็นเรื่องสำคัญ การบำรุงรักษาตรวจสอบและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันตามกำหนดนอกจากจะช่วยยืดอายุการทำงานของเกียร์แล้ว ยังช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น (ในกรณีความผิดปกติ) ได้อีกด้วย แต่ต้องไม่ลืมว่า น้ำมันเกียร์ก็ต้องใช้เกรดที่เหมาะสม โดยสอบถามจากช่าง หรือศูนย์บริการ เพื่อความแน่ใจ

ส่วนการใช้ในสภาพที่เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่นการลุยน้ำท่วมขัง หรือการ ขึ้นที่ลาดชัน ซึ่งเมื่อผ่านสถานการณ์เช่นนั้นมาแล้วก็ควรตรวจสอบทันที

เพราะเกียร์ออโต้ถูกคิดค้นมาให้ง่ายและเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน จึงเป็นเรื่องง่าย แต่ก็จะไม่ง่ายถ้าปล่อยปละละเลย หรือ ใช้เพียงอย่างเดียว โดยไม่ศึกษา ไม่บำรุงรักษา แน่นอนว่า ความปลอดภัยย่อมสำคัญที่สุด ดังนั้นหันมาใส่ใจซักนิดกับเกียร์ออโต้ที่จะช่วยให้มีความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนกันมากยิ่งขึ้น

Tag :