ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างนำคณะทีมเศรษฐกิจของไทยประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเดินทางเยือนสปป.ลาว อย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 23-25 มิ.ย. ณ นครหลวงเวียงจันทน์ ว่า นายกรัฐมนตรีของไทยให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการพัฒนาการค้าและการลงทุนร่วมกันในกลุ่ม CLMVT จึงเดินทางมาเชื่อมความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนร่วมกับ สปป.ลาว เพื่อเชื่อมต่อไปยังจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย เนื่องจากที่ผ่านมานักลงทุนเวียดนาม จีน เข้ามาลงทุนในสปป.ลาวเป็นจำนวนมากแล้วจึงต้องการร่วมมือกับไทยเพิ่มเติม หวังผลักดันการค้าเพิ่มจาก 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มเป็น 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 5 ปี ข้างหน้า

โดยเห็นชอบร่วมกันจัดทำแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว (Master Plan) ทั้งสองประเทศร่วมกัน กำหนดให้เป็นสองประเทศหนึ่งจุดหมาย พัฒนาทั้งด้านคมนาคมขนส่ง การพัฒนา การพัฒนาตลาดทุน  การพัฒนาท่องเที่ยว การส่งเสริมเอสเอ็มอี จึงมอบหมายให้กระทรวงด้านเศรษฐกิจทั้งสองประเทศหารือเพื่อกำหนดแผนยุทธศาสตร์ร่วมกัน เพื่อส่งเสริมให้สปป.ลาว จัดทำศูนย์ให้บริการ One Stop service สำหรับนักลงทุนต่างชาติ การร่วมกันสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 5,6,7 และสร้างทางรถไฟฟ้าบริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 เดินหน้าพัฒนาเส้นทาง R12 เชื่อม East-West Coridor เส้นทางจากเวียดนาม ผ่านสปป.ลาว-ไทย -เมียนมาร์ สนับสนุนลาวระดมทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อนำมาพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ การพัฒนาด้านอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ รับสิทธิ์พิเศษทางภาษีในการส่งเสริมเอสเอ็มอี เพื่อให้เอสเอ็มอีไทยมาร่วมเป็นพี่เลี้ยงให้กับเอสเอ็มอีสปป.ลาว

สำหรับด้านการท่องเที่ยว รัฐบาลมีแผนใช้งบกลุ่มจังหวัดพัฒนาภาคอีสาน ประกอบด้วยจ.เลย หนองคาย มุกดาหาร อำนาจเจริญ บึงกาฬ มุ่งพัฒนาเมืองริมโขงทุกสะพานระหว่างสองประเทศให้เป็นเมืองท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมผ่านเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อนำสินค้าโอท็อบของไทยและสินค้าโอด็อฟ (หนึ่งเมืองหนึ่งผลิตภัณฑ์) ของสปป.ลาวมาวางจำหน่ายในตลาดประชารัฐของทั้งสองประเทศ เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวริมฝั่งโขงให้มีชีวิตเหมือนกับทัวร์ยุโรป เตรียมจัดทำเรือนำเที่ยวขนาดใหญ่ในแม่น้ำโขง

หากนักท่องเที่ยวเดินทางมายังไทยในจ.เลย จ.หนองคายและจังหวัดในภาคอีสาน สามารถท่องเที่ยวฝั่งลาวในเส้นทางเดียวกันผ่านการผ่อนปรนวีซ่าชั่วคราวสำหรับการท่องเที่ยวริมโขง และการร่วมจัดทำเมืองส่วนการพัฒนาตลาดทุน หลังจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เข้ามาฝึกอบรมการพัฒนาตลาดทุนระยะหนึ่งแล้ว ต้องการผลักดันให้เอกชนรายใหญ่ของสปป.ลาวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯไทย จากนั้นเชื่อตลาดร่วมกัน เพื่อส่งเสริมให้ตลาดหุ้นของสปป.ลาวเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม

ขณะที่ นายสมดี ดวงดี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน สปป.ลาว กล่าวว่าการค้าระหว่างไทย-สปป.ลาวส่วนใหญ่จะผ่านชายแดน จึงต้องการให้ไทยอำนวยความสะดวกกับเอกชนของลาวสำหรับการลงทุนโครงสร้างพื้นขนาดใหญ่ต้องการดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน เนื่องจาก สปป.ลาวยังมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ รวมทั้งการเดินหน้าส่งเสริมการพัฒนาสินค้าเกษตรแปรรูป อุปกรณ์ชิ้นส่วนยายนต์ อิเล็กทรอนิกส์เพื่อดึงไปอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตลอดจนการพัฒนาระบบสายส่งให้สอดคล้องกับสายส่งของไทยเพื่อรองรับการขายกระแสไฟฟ้าให้กับประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งไทย และต้องการให้เอสเอ็มอีไทยร่วมเป็นพี่เลี้ยงส่งเสริมเอสเอ็มอีของลาวให้เติบโต สปป.ลาวยังแก้ไขกฎหมายบีโอไอเพื่อดึงดูดการลงทุนในการยกเว้นภาษีตามเขตพื้นที่ตั้งแต่ 5-15 ปี จึงหวังว่าจะร่วมมือกันมากขึ้นระหว่างไทย- สปป.ลาว