บีทีเอสจ่อเซ็นสัญญา “ชมพู-เหลือง” แสนล.

by ThaiQuote, 2 มิถุนายน 2560

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ( มหาชน ) เปิดเผยว่า จะมีการลงนามสัญญาสัมปทาน (PPP-Net Cost) ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี 53,519.50 ล้านบาท และ สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง วงเงิน 51,931.15 ล้านบาท โดย กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ( BSR Joint Venture)กับรฟม .ในวันที่16 มิ.ย. นี้ และคาดว่าจะเซ็นสัญญาด้านแหล่งเงินทุนรวมถึงเรื่องการจัดหาระบบรถไฟฟ้าด้วย แม้ว่าจะมองเป็นโครงการที่ไม่น่าลงทุนเพราะอัตราผลตอบแทนการลงทุนเพียง 8 % เท่านั้น แต่บีทีเอสฯจะใช้ประสบการณ์บริหารการก่อสร้างและเดินรถที่คุ้มต้นทุนได้โดยมีผู้ก่อสร้างมาร่วมทุนและเลือกรถที่ราคาเหมาะสม มีระบบที่ดี ปลอดภัย อาจจะตัดสิ่งฟุ่มเฟือยออกเพื่อทำให้ต้นทุนต่ำลงได้

          ส่วนข้อเสนอซองที่ 3 เพิ่มเติมนั้น จะต้องผ่านกระบวนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในช่วงส่วนต่อขยาย เพิ่มเติมทั้ง 2 สาย คือ ช่วงต่อขยายสายสีชมพู เข้าโครงการเมืองทองธานี อีก 2สถานี ระยะทาง2.8 กิโลเมตร และช่วงต่อขยายสายสีเหลือง โดยการเชื่อต่อไปตามถนนรัชดาภิเษกไปยังโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว บริเวณแยกรัชโยธิน ระยะทาง 2.6 กิโลเมตร อีก 2สถานี คาดว่าจะใช้ระยะเวลาศึกษาประมาณ 1ปีครึ่ง และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) บรรจุในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชน ระยะที่ 2 และทางสคร. ต้องเห็นชอบก่อน ซึ่งบริษัทพร้อมดำเนินการทันที

          ทั้งนี้รฟม.กำหนดให้ยื่น 3 ซองคือ ซองด้านเทคนิค ซองการเงิน และซองที่ 3 คือข้อเสนอเพิ่มเติม ซึ่งจะพิจารณาเมื่อเป็นผู้ชนะในซองการเงินแล้ว โดยข้อเสนอเพิ่มเติมดังกล่าวหากมีความถูกต้อง จึงจะพิจารณา ซึ่ง กลุ่ม บีเอสอาร์ เสนอซองที่ 3 เพื่อให้โครงข่ายสมบูรณ์มากที่สุด โดยเรียนรู้มาจากสายสีม่วงที่ขาดตอน ทำให้กระทบต่อความสะดวกของผู้โดยสาร รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ที่มีปัญหาหรือแม้แต่รถไฟฟ้า MRT ตัวเลขผู้โดยสารยังไม่ถึงเป้าหมายเพราะขาดความต่อเชื่อม ไม่ใช่บริการไม่ได้ ดังนั้นจึงเสนอต่อขยายสายสีชมพู และสีเหลือง โดยลงทุนเองทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท ผู้โดยสารจะเดินทางเชื่อมไปยังรถไฟฟ้าได้หลายสาย มีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น รถไฟฟ้าทุกสายมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ปัญหาการจราจรจะลดลง

          “กรณีระบุว่าข้อเสนอดังกล่าวเป็นการต่อเข้าไปในพื้นที่อิมแพค เมืองทองธานีของบางกอกแลนด์ มองเป็นการเอื้อประโยชน์กันนั้น ต้องบอกว่าอิมแพคใช้มานานและวันนี้เป็นที่ซึ่งรัฐบาลและเอกชนไปใช้ทำกิจกรรมและเกิดปัญหาจราจรมาก หากต่อเชื่อมรถไฟฟ้าไปได้จะทำให้เกิดความสะดวกแน่นอนหากสิ่งแวดล้อมไม่มีปัญหา โดยสีชมพูขยายเส้นทางเข้าไปในศูนย์ประชุม อิมแพค เมืองทองธานี ระยะทาง 2.8 กม. มี 2 สถานี สถานีแรกตั้งอยู่บริเวณอาคารอิมแพคชาเลนเจอร์ และสถานีที่สองบริเวณทะเลสาบ และส่วนราชการทางแยกนี้จะแยกออกจากสถานีศรีรัช ซึ่งในปีที่ผ่านมาศูนย์ประชุมอิมแพค เมืองทองธานี มีผู้ใช้บริการถึงกว่า 10 ล้านคน/ปี และในเมืองทองธานีมีประชาชนอยู่อาศัยกว่า 150,000 คน

          ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งมีจุดสิ้นสุดที่แยกรัชดาตัดกับถนนลาดพร้าว ได้เสนอให้ขยายเส้นทางต่อไปตามถนนรัชดาภิเษกอีกประมาณ 2.6 กม. สิ้นสุดบริเวณแยกรัชโยธิน ซึ่งจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานี N 10 ( บริเวณปากซอยพหลโยธิน 24 ) ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ( จากหมอชิตไปคูคตที่กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง ) โดยเสนอให้มีสถานีรับ – ส่งผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 2 สถานี สถานีแรกอยู่ประมาณกึ่งกลางของเส้นทางส่วนต่อขยายนี้ และสถานีสุดท้ายบริเวณก่อนถึงแยกรัชโยธิน

          โดยในเฟสแรกจะจัดซื้อรถรวม 288 ตู้ ขบวนละ 4 ตู้ แบ่งเป็น สายสีเหลือง 120 ตู้ ชมพู 168 ตู้ มูลค่าประมาณ 5 หมื่นล. โดยแผนระยะยาว สีชมพูจะต่อเป็น 6 ตู้ /ขบวน โดยกำหนดค่าโดยสารตามทีโออาร์เริ่มต้นที่ 14-42 บาท ประมาณการณ์จำนวนผู้โดยสารแต่ละสายไม่ต่ำกว่า 1.2 แสนคน/วันในปีแรกที่เปิดให้บริการ

          ขณะนี้ได้สำรวจพื้นที่ไปแล้ว 100% เริ่มออกแบบบางส่วน การเริ่มต้นก่อสร้างมีปัจจัยในการรอส่งมอบพื้นที่จาก กทม.และกรมทางหลวง ขณะนี้จะเลือกการออกแบบตัวเสาเข็มก่อน เมื่อเลือกชนิดของรถ และน้ำหนักรถ จะเริ่มก่อสร้างได้เลย ภายในปีนี้จะต้องเริ่มภายในปีนี้แน่นอน

          สำหรับ บีทีเอสฯ ลงทุนสายสีเขียว ได้ลงนามสัญญา เมื่อ 25 ปีที่แล้ว ในปีนี้จะได้เซ็นสัญญา สีชมพู เหลือง ซึ่งเป็นลักษณะคล้ายกันกับสีเขียว คือ ลงทุนทั้งหมด ทั้งโยธา และงานจัดหาและติดตั้ง ระบบ (E&M) ซึ่งเป็นสัญญาสัมปทานที่มีประโยชน์มาก สำหรับประชาชนในกรุงเทพฯ ช่วยลดการจราจรที่แออัด ซึ่ง การที่เอกชนลงทุนทั้งหมด 100% แต่รัฐต้องสนับสนุน ด้วย เพราะสายสีเขียวที่เปิดเริ่มต้น ผู้โดยสาร 1.5 แสนคน / วัน ห่างจากตัวเลขประมาณการณ์ไว้ที่จะอยู่ได้ จนเกือบ 10 ปี ผู้โดยสารถึงมาอยู่ที่ 8 แสนคน/วัน โดยในด้านของรายได้ ที่ผู้โดยสารปัจจุบัน กรณีที่เอกชนลงทุน 100% ยังไม่คุ้มทุน แต่บีทีเอสเป็นรายแรกที่ดำเนินการ และได้ทำการฟื้นฟู จัดแบ่งหนี้สินออกไปจากบริษัท จึงทำให้สามารถฟื้นตัวได้ มีกำไรที่เหมาะสม และน่าสนใจได้

          ปัจจุบันบีทีเอสให้บริหารรถไฟฟ้ารวม 67 กม. และอีก 3 ปีเมื่อ สายสีชมพูและเหลืองเปิดเดินรถ จะเพิ่มอีก 64 กม. ต่อสายสีเขียวไปตลิ่งชัน อีก 7 กม. และสายสีทองที่ ครม.อนุมัติไปแล้ว ระยะทางทั้งหมดรวม 146 กม. ซึ่งจะเป็นโครงข่ายที่ให้บริการผู้โดยสารได้กว่า 2 ล้านคน/วัน จะช่วยลดปัญหาจราจรได้

          นายคีรีกล่าวว่า กลุ่ม บีเอสอาร์ เป็นเอกชนไทยที่มีศักยภาพ ทั้งด้านก่อสร้าง การเงิน การบริหาร และพร้อมที่จะร่วมลงทุนในแผนโครงการพัฒนาระเบียง เศรษฐกิจภาคตะวันออก EEC โดยขอภาพที่ชัดเจนจากรัฐบาล เพื่อดูว่าจะไปร่วมลงทุนได้อย่างไรบ้าง

Tag :