8 สิ่งต้องห้าม ทำ “เกียร์พัง” ก่อนเวลา

by ThaiQuote, 10 มิถุนายน 2560

1.ไม่เหยียบเบรกก่อนสตาร์ทหรือเปลี่ยนเกียร์ วิธีที่ถูกต้องที่สุด คือการเหยียบเบรคทุกครั้งก่อนสตารท์รถ เพื่อป้องกันอันตรายถึงแม้ตำแหน่งเกียร์จะอยู่ที่ตำแหน่ง (P) หรือ (N) ก็ตาม และที่สำคัญคือการเหยียบเบรคทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์  จากเกียร์ว่าง ( N ) หรือเกียร์จอด (P) ไปเป็นเกียร์เดินหน้า (D) หรือเกียร์ถอยหลัง (R) ความจริงแล้วกรณีนี้ไม่อันตรายต่อเกียร์เท่าไหร่นัก แต่ “เหยียบเบรกไว้ก่อนอุ่นใจกว่า” รถจะได้ไม่พุ่งไปโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว 2.ไม่รอรถหยุดสนิทก่อนเปลี่ยนเกียร์ ถ้าคุณเลื่อนคันเกียร์ออกจากตำแหน่งเดินหน้า (D) ไปเป็นตำแหน่งถอยหลัง (R) หรือเปลี่ยนจากตำแหน่งถอยหลัง (R) ไปเป็นตำแหน่งเดินหน้า (D) ควรรอให้รถหยุดสนิทก่อน อย่าใจร้อนและทำตอนที่รถยังคงเคลื่อนที่อยู่ เพราะจะทำให้เกียร์มีอายุการใช้งานสั้นต้องเสียค่าซ่อมหรือเปลี่ยนเกียร์ใหม่ในราคาสูง 3. เข้าเกียร์ N ขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ หลายคนชอบเข้าเกียร์ (N) ในขณะที่รถกำลังวิ่งและเห็นว่าข้างหน้าใกล้จะต้องหยุดรถเพราะมีไฟแดง และคิดว่าวิธีนี้จะช่วยประหยัดน้ำมันมากกว่า  แต่ทราบไว้เลยว่าการทำเช่นนี้เป็นผลเสียอย่างร้ายแรงต่อเกียร์ของท่าน เนื่องจากในขณะที่รถยนต์ขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเกียร์ที่อยู่ในตำแหน่ง D จะมีปั้มแรงดันสูงส่งน้ำมันเกียร์เข้าไปหล่อลื่นอยู่ตลอดเวลาแต่ปั้มน้ำมันของเกียร์อัตโนมัติจะทำงานน้อยลงเมื่อเกียร์อยู่ในตำแหน่ง N เมื่อไม่มีแรงดันที่พอเพียงจะดันน้ำมันไปหล่อลื่นเกียร์อย่างเพียงพอ จะทำให้เกียร์ออโต้ร้อน และเกิดการสึกหรอง่ายตามมา 4. เร่งเครื่องก่อนเข้าเกียร์ คนใจร้อนมักจะเร่งเครื่องในขณะเข้าเกียร์ P หรือ N พอเปลี่ยนเกียร์เป็น D รถก็จะแล่นไปเลย แต่ทำแบบนี้ไม่ดีแน่ เพราะการเร่งเครื่องก่อนเข้าเกียร์จะทำให้เกียร์กระตุกแรงและเสียหายได้  เหยียบเบรกก่อนเข้าเกียร์ทุกครั้งปลอดภัยที่สุด 5. ใช้ตำแหน่งเกียร์ 2 ในขณะที่ขับรถด้วยความเร็วสูง การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ 2 ต้องระมัดระวังให้มาก เหมาะที่จะใช้งานในกรณีที่ต้องการแรงบิดมาก ๆ เท่านั้น เช่นทางขึ้นหรือลงเนินที่ค่อนข้างชัน  เป็นต้น ทราบไว้เลยว่า ห้ามใช้ตำแหน่งเกียร์ 2 ในขณะที่คุณขับรถด้วยความเร็วสูง เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ใช้รอบเครื่องสูงตามไปด้วยจนอาจเกินขีดจำกัดและก่อให้เกิดความเสียหายได้ ไม่แน่ว่ารถอาจจะลื่นไถลเนื่องจากเกิดแรงบิดมหาศาล ทำให้รถเสียการทรงตัวได้ 6.ขับลากเกียร์ รถยนต์เกียร์อัตโนมัติจะควบคุมให้ปรับเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลงตามความเหมาะสม และความเร็วของรถอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่บางท่านรู้มากมักใช้วิธีเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ขึ้นลงเองในขณะที่รอบเครื่องทำงานสูงสุดเพื่อเร่งเครื่องให้ไวตามใจชอบ การทำเช่นนี้จะมีผลทำให้ผ้าคลัทช์และระบบทอกค์คอนเวอร์เตอร์เกิดการสึกหรอเสียหาย และทำให้มีอายุการใช้งานของเกียร์อัตโนมัติสั้นลง 7. ไม่ตรวจเช็คน้ำมันเกียร์ น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ เป็นหัวใจสำคัญของการหล่อลื่น และยืดอายุการใช้งานของเกียร์รถให้ยาวนาน  จึงควรตรวจเช็คระดับน้ำมันเกียร์ให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่าขีดที่ก้านวัด  และเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะทางที่แนะนำ 8. ใส่เกียร์ P ทุกครั้งที่หยุดรถ ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ทุกครั้ง  ให้ทำเฉพาะกรณีที่จอดบนทางลาดชันนาน ๆ เท่านั้น  หรือถ้าจะให้ดีแค่ใส่เกียร์ N แล้วดึงเบรกมือไว้ก็ได้  เพราะการที่ใส่เกียร์ P ทุกครั้งที่หยุดรถ  อาจทำให้ระบบเกียร์เสียหายเร็วขึ้นได้ อีกสิ่งที่ควรรู้เมื่อต้องลากรถไปอู่  รถเกียร์ออโต้เสียจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเติมน้ำมันเกียร์เพิ่มเข้าไป เพื่อช่วยลดความร้อนของเกียร์ขณะที่ทำการลากจูง  แต่ถ้าหาน้ำมันเกียร์ไม่ได้  ควรยกให้ล้อรถลอยพ้นพื้นถนน โดยอาจต้องใช้รถยก 6 ล้อ แบบสไลด์ออน ที่สามารถนำรถทั้งคันขึ้นไปไว้บนกระบะหลังได้ เพื่อความปลอดถัยของรถยนต์ราคาแพงของคุณ ที่มา: share-si    

Tag :