นายเดชาภิวัฒน์  ณ สงขลา  ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า   การประชุม 4 หน่วยงานร่วมกับกระทรวงคลัง ธปท. สำนักงบประมาณ สำนักงานเศรษฐกิจแห่งชาติ โดยมีนายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน  เพื่อร่วมกำหนดกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 วงเงิน 3 ล้านล้านบาท เป้าหมายรายได้ 2.55 ล้านล้านบาท สูงกว่าปี 61  จึงเป็นงบประมาณแบบขาดดุล 4.5 แสนล้านบาท มุ่งเน้นเป้าหมายใช้เงินเพื่อการปฏิรูปในหลายด้าน ทั้งเรื่องลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมดิจิทัล การเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ ภายใต้สมมุติฐานจีดีพีขยายตัวร้อยละ 4.2 เพิ่มจากปี 2561 ขยายตัวร้อยละ 4 กำหนดงบลงทุนวงเงิน 6 แสนล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 20 ของงบประมาณโดยรวม งบประจำสัดส่วนร้อยละ 70 เป็นงบที่เกี่ยวกับเงินเดือนและส่วนที่เกี่ยวข้องกับรายได้ราชการ บำเหน็จบำนาญ ผู้สูงอายุ และการอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร้อยละ 29.5 ส่วนที่เหลือตั้งชำระหนี้เงินต้น 70,000 ล้านบาทหรือประมาณร้อยละ 3   ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกล่าวว่า ยอมรับว่าในปี 2562 ต้องกันงบรองรับการปฏิรูปด้านต่างๆ วงเงินประมาณ 1 ล้านล้านบาท อีกทั้งต้องพัฒนาโครงสร้างในหลายด้าน จึงต้องขาดดุลงบประมาณเท่ากับปี 2561 อีกทั้งได้เริ่มปฏิรูประบบงบประมาณ เพื่อจัดสรรงบแบบภูมิภาค จากเดิมจัดสรรงบผู้ว่าราชการจังหวัด งบกลุ่มจังหวัด เพิ่มมาเป็นงบระดับภูมิภาค เน้นใช้รูปแบบระดมความเห็นจากหลายส่วนทั้งเอกชน ส่วนราชการ อปท. ต้องการพัฒนาระดับภาคอย่างไร ตามความต้องการของพื้นฐาน เตรียมเสนอ ครม. พิจารณากรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายในวันอังคารหน้า ( 16 ม.ค.) จากนั้นเสนอสภา สนช.พิจารณาวาระแรกต้นเดือนมิถุนายน และกำหนดให้ส่วนราชการเสนอขอวงเงินภายใน 25 ม.ค.นี้  สำหรับปัญหาของกระทรวงสาธารณะสุขต้องพิจาณาปัญหาว่ามีสาเหตุจากบริหารจัดการอย่างไรบ้าง เพื่อไม่ให้กระทบต่อระบบรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลของรัฐ   นายเดชาภิวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเสนอจัดทำงบกลางปีพิเศษเพิ่มเติมในปี 2561 วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม.พิจารณาพร้อมกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 2562 อังคารหน้า เพื่อแบ่งเป็นการกู้เงินจากระบบ 1 แสนล้านบาท และรายได้เพิ่มขึ้น 50,000 ล้านบาท โดยยอดรายได้เพิ่มจะนำไปชดเชยเงินคงคลัง เพื่อนำไปใช้เรื่องบำเหน็จบำนาญราชการ ส่วนการกู้เงินใช้รองรับการปฏิรูปด้านต่างๆ ของรัฐบาล การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน การดูแลสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม.พิจารณางบประมาณกลางปี 2561 สำหรับยอดวงเงิน 1 แสนล้านบาท ต้องจัดหาแหล่งเงินกู้ทั้งหมดในช่วงต้นเดือนก.พ.นี้ เพื่อเสนอสภา สนช. พิจารณาภายในเดือนมี.ค.นี้ การทำงบประมาณในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการทำแบบขาดดุล แต่เป็นความจำเป็นเพื่อเป็นการยกระดับประเทศทั้งกระบวนไปในคราวเดียวกัน นอกจากนี้เพื่อปฏิรูปประเทศโดยเฉพาะเศรษฐกิจระดับฐานราก  เน้นการใช้เงิน  4 แนวทางหลัก คือ  รองรับโครงการช่วยคนจนเฟสสอง  3.5 หมื่นล้านบาท  ส่วนอีก  4 หมื่นล้านบาท ใช้ปฏิรูปภาคเกษตร เช่น ราคายางพาราตกต่ำ ชดเชยการตัดต้นยาง  เพื่อลดพื้นที่ปลูกยางร้อยละ 10-20 ผลักดันดันราคายางเพิ่มขึ้น ส่วนที่เหลืออีก 2 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้พัฒนาเศรษฐกิจชุมชนในตำบลต่างๆ หมื่นล้านบาท เพื่อให้กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการลงทุนมาให้พิจารณาแผนลงทุน และอีก 1 หมื่นล้านบาท ส่งให้กองทุนหมู่บ้านสร้างความเข้มแข็ง.