“อาลีบาบา”มาไทย เอาความจริงมาว่ากัน

by ThaiQuote, 27 เมษายน 2561

ฟังมามากกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นกับกรณีการเข้ามาของ “แจ็ค หม่า” และ “อาลีบาบา” เว็ปไซต์ดังก้องโลก ที่พลันทันทีที่เข้ามา ทุเรียนของไทย ก็โด่งดังทำยอดขายทะลุพลุแตกในเว็ปไซต์ดังกล่าว กับออร์เดอร์จากชาวจีน 2 วัน ทะลุ 6 หมื่นลูก จากการเปิดเผยของ “นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แม้ว่าสื่อมวลชนจากจีนจะมีรายงานว่ายอดออร์เดอร์ทุเรียนในอาลีบาบาสูงกว่านั้นมาก และอาจถึง 8 หมื่นลูกแล้วก็ตาม

ถ้าว่าความกันง่ายๆ แบบเบื้องต้น การเข้ามาของ “อาลีบาบา” ที่แค่เริ่มต้น ชิมลางด้วยออร์เดอร์ทุเรียนแบบนี้ ชาวสวนทุเรียนยังไงก็ยิ้มออก เพราะปีนี้แทบไม่ต้องลุ้นเลยว่าราคาทุเรียนตรงฤดูกาลจะพุ่งไปขนาดไหน อันนี้ถามไปว่าใครได้ประโยชน์ แน่นอนว่า “เกษตรกรได้รับไปเต็มๆ”

แต่ก็ยังคงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมาต่อเนื่อง เกี่ยวกับเรื่องการเข้ามาของ “แจ็คหม่า” และ “อาลีบาบา” จนบางครั้งบานปลายไปจนกลายเป็นปัญหา ว่ากันไปถึงเรื่องของ การผูกขาดบ้าง ว่ากันไปถึงว่าจะทำลายธุรกิจเอสเอ็มอี โชห่วยของไทยบ้าง

ที่นี้ ลองมาทำความเข้าใจทีละจุด เริ่มต้นจากตรงนี้ก่อน ปกติคนไทยจะสั่งของ จะขายของ จะซื้อของ มองหาเว็ปอะไร? อย่าปฏิเสธว่าพ่อค้าออนไลน์ นักท่องเน็ตไทย จะไม่รู้จัก “เว็ปอเมซอน” หรือ “อีเบย์” ที่อยู่ในเกรดเดียวกับ “อาลีบาบา” 

ซึ่งถ้าไม่มี “อาลีบาบา” มาในวันนี้ จะซื้อจะขายก็ต้องใช้เว็ปพวกนี้อยู่ดีใช่หรือมั้ย? แล้วทำไมไม่ว่าพวกนี้กินรวบผู้กขาด ทำลายผู้ประกอบการไทยบ้างล่ะหึ?

เอาล่ะ!!! ลองมาดูหนึ่งตัวอย่างผู้ประกอบการออนไลน์ที่มีทัศนคติการเข้ามาของ “อาลีบาบา” คุณธีรัตน์ โสดารัตน์ E-Commerce Manager /Ramate @plantoys.com กล่าวว่า “มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ในความเห็นส่วนตัวมีข้อดี จากการติดตามข่าว ส่วนของ BOI มีคนมาลงทุนอีอีซีมากขึ้น ประเด็นต่อมาทำให้คนในวงการอีคอมเมิร์ซที่เป็นมือใหม่หรือพวก Startup ได้มาอบรมหาความรู้ใหม่ คาดว่าจะได้รับความรู้จากพาร์ตเนอร์ซึ่งในระยะแรกก็คือจีนต่อไปก็คงเป็นประเทศอื่นๆ  มีข้อน่ากังวลอยู่เพียงข้อเดียวคือกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของวงการค้าปลีก ที่ทำแบบเดียวกับสินค้าจีนจะได้รับผลกระทบ อันนี้จะมาหรือไม่มาก็ต้องปรับตัวตามกระแสโลกอยู่แล้ว ผมคิดว่านโยบายไทยแลนด์ 4.0 รัฐบาลทำได้รวดเร็วและทันใจผู้ประกอบการ โดยเฉพาะระบบเพย์เม้นต์ต่างๆ ชัดเจนขึ้น ทำให้การทำการค้าแค่กับคนไทยด้วยกันก็ซื้อง่ายขายคล่อง”

ที่นี้ ถ้าเป็นเว็ปฝั่งตะวันตก เว็ปพวกนี้ ที่ไม่ได้มี “ความร่วมมือกัน” เหมือนกรณีของ “อาลีบาบา” ที่ประกาศชัดเจนว่าจะเข้ามาลงทุนในไทย โบกเกอร์ออนไลน์หน้าไหน ที่จะยอมให้สินค้าไทย พุ่งพรวดขึ้นไปโดดเด่นอยู่หน้าเว็ปง่ายๆ

เรื่องนี้ไม่ได้ว่าเอง ชาวเน็ต พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ทดลองกันได้ ลองเอาทุเรียนไปขายในอเมซอน หรือ อีเบย์ดูดิ ว่า มันจะขายได้แบบของอาลีบาบามั้ย แล้วถ้าขายได้ เว็ปพวกนี้จะเรียกร้องอะไรที่เป็นผลประโยชน์ตามมามั้ย?

เอาล่ะ ว่ากันต่อ แล้วถ้าไม่มี “อาลีบาบา” เข้ามาในวันนี้ เจ้าอื่นจะมามั้ย? คำตอบง่ายๆก็คือ พวกนี้ก็จะมาแบบ “รับประโยชน์” โดยไม่ต้องมีความร่วมมือใดๆ คิดตามง่ายๆ ก็คือ มีปัญญาก็เทรดไปตามสภาพ ไม่ต้องมีความร่วมมือใดๆ ซึ่งกรณีนี้ ยังไงผู้ประกอบการไทยที่ค้าขายออนไลน์ ยังไงก็ต้องเจอกับการค้าออนไลน์แบบนี้อยู่ดีใช่หรือไม่? แล้วหนีเรื่องนี้พ้นมั้ย?

ด้วยคำถามนี้ แล้วการเข้ามาตรงๆ แบบ “อาลีบาบา” ไม่ดีตรงไหนผูกขาดตรงไหน เพราะผู้ประกอบการก็ยังสามารถเทรดกับเว็ปอื่นได้ไม่ใช่เหรอ?

ส่วน “โชห่วย” ที่ถูกเอามาอ้างเสมอ ว่าเสียผลประโยชน์ ว่าจะสูญพันธุ์ ว่าจะถูกผูกขาด ถามจริง พวกปากมันพูดกันเอง มโนเองหรือเปล่า? คิดแทนโชห่วย เป็นห่วงโชห่วยขึ้นมาทันตามเห็น หรือ แค่เอาโชห่วยมาอ้าง เพราะถ้าถามกันตรงๆ จากปากโชห่วย เอาว่า “เรื่องนี้โชห่วยหลายรายก็ยังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าจะเสียประโยชน์ตรงไหน?”

แล้วถ้าไม่มีอาลีบาบา มีอเมซอน มีอีเบย์ มีค้าปลีกออนไลน์ แล้วโชห่วยอยู่ได้มั้ย? ไปถามให้รู้ความก่อน อย่าเพิ่งมโนกันไป โชห่วยวันนี้ หลายรายก็ไม่ธรรมดา เดินหน้าไปถึงความเป็น E-COMMERCE กันนานแล้ว หลายรายเข้าร่วมโครงการกับภาครัฐ กลายเป็นช็อปปิ้งประชารัฐ ช็อปปิ้งออนไลน์

ที่ยิ่งถ้ามีช่องทางการค้าออนไลน์อย่างอาลีบาบาเข้ามาเป็นครู อันนี้จะยิ่งเป็นประโยชน์ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ความรู้ ประสบการณ์ และกลายมาเป็นศักยภาพไม่ใช่เหรอ? ผูกขาดตรงไหน?

                

พร้อมๆ กับฝากคำถามกลับไปให้ช่วยตอบด้วยว่า การเข้ามาของ “อาลีบาบา” ไม่ใช่แค่เรื่องของการค้าขายออนไลน์ แต่รวมถึงการลงทุนในด้านอื่นๆ ทั้งเรื่องของ EEC เรื่องการเข้าเป็น “ครู” ที่จะช่วยเสริมสร้างผู้ประกอบการไทย อันนี้อย่าพูดมากจนเกินงาม วิจารณ์กันแต่ในกรอบความเป็นจริง ที่ไม่ควรบิดเบือน

เพราะมันเสียหายกับประเทศชาติ เสียหายกับผลประโยชน์ที่ผู้ประกอบการไทย เกษตรกรไทยควรได้รับ!!

และคำถามสำคัญเลย กรณีการเชื้อเชิญ “อาลีบาบา” กับ “แจ็คหม่า” ที่เอามาทั้งทุนเกือบ2 แสนล้าน เอามาทั้งโนฮาว และ ความรู้ด้าน E-COMMERCE เข้ามาในไทย ถ้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้ไม่ทำ ใครบ้างหละที่คิดจะทำ? หรือใครบ้างหละที่จะทำได้?

คนอย่าง “แจ็คหม่า” เว็ปชื่อดังระดับโลกตลาดพันล้านคน อย่าง “อาลีบาบา” ทำไมต้องเข้ามาร่วมมือกับไทยเพราะอะไร?

ถ้าไม่เชื่อมั่นในประเทศไทย ถ้าไม่มีคอนเนคชั่น ถ้าไม่มีสัมพันธภาพฉันท์พี่ฉันท์น้องเค้าจะมามั้ย?

ปิดท้ายด้วยคำถามที่ว่า? ถ้าไม่ใช่ทีมเศรษฐกิจภายใต้การนำของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี”ใครจะนำพา “อาลีบาบา” ให้มาลงทุนในประเทศ ให้มาช่วยผู้ประกอบการไทยขนาดนี้ได้ พูดกันมันปากอะพูดได้ แต่พอทำจริงๆ ก็เห็นแต่รัฐบาลนี้แหละที่ทำได้ ทั้งทำและทั้งต้องทนกับคนปากมัน ที่วิจารณ์เป็นอย่างเดียว แต่ไม่รู้ว่าพอให้ทำเข้าจริงๆ แล้วจะทำกันได้จริงมั้ย?

Tag :