พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจร ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ที่ จ.สุรินทร์ และ บุรีรัมย์ วันที่ 7-8 พ.ค.นี้ เพื่อติดตามรับฟังปัญหาของประชาชน หารือทุกภาคส่วนในพื้นที่ และประชุม ครม.นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ เพื่อพิจารณาโครงการช่วยเหลือและผลักดัน ศักยภาพของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคอีสานตอนล่าง 1 ที่ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ เพื่อให้ประชาชนมีรายได้และคุณภาพชีวิตดีขึ้น   สำหรับเป้าหมายคือการเชื่อมโยงจุดเด่นในแต่ละพื้นที่ และลดข้อจำกัดในการพัฒนาให้ได้มากที่สุด โดยกลุ่มจังหวัดนี้เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรอาหารปลอดภัยและผลิตภัณฑ์ไหม มีแหล่ง ท่องเที่ยวทางอารยธรรม เป็นย่านการค้าชายแดนที่มีศักยภาพ รัฐบาลจึงมุ่งเน้นที่เรื่องเหล่านี้โดยเริ่มจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับ เช่น โครงการรถไฟทางคู่ รถไฟ ความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ และ ปรับปรุงสนามบิน เพื่อ ต่อยอดไปสู่การพัฒนาในด้านอื่น ๆ   โดยวันนี้( 7 พ.ย.) จะไปตรวจเยี่ยมชมจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม หมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณบ้านท่าสว่าง ตรวจสภาพอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด-ห้วยจระเข้มาก จ.สุรินทร์ ติดตามความพร้อมการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันจักรยานยนต์ ชิงแชมป์โลก เยี่ยมชมถนนคนเดิน เซาะกราว จ.บุรีรัมย์ และวันถัดไปจะไปเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยววิถีไทย บ้านสนวนนอก และท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นจุดขายของพื้นที่ที่ควรได้รับการส่งเสริมให้ดียิ่งขึ้น   พล.ท.สรรเสริญกล่าวด้วยว่า ส่วนการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคอีสานตอนล่าง 1 นั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะของภาคเอกชน ผู้นำท้องถิ่น และประชาสังคม โดยเห็นว่าหลายโครงการที่จะเสนอมีความสอดคล้องกับแผนงานของรัฐบาล จึงเป็นโอกาสดีที่ทุกฝ่ายจะได้ร่วมพูดคุยหารือและดำเนินการให้สำเร็จเป็นรูปธรรม ตามลำดับความจำเป็นเร่งด่วนต่อไป   สำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐ เอกชน จะมีการเสนอประมาณ 20,706 ล้านบาท แยกเป็นการขอสนับสนุนเพื่อดำเนินโครงการซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐาน 1.18 หมื่นล้านบาท ด้านเกษตรและแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร 3,390 ล้านบาท การค้าการลงทุน และการค้าชายแดน 1,370 ล้านบาท การท่องเที่ยว 496.34 ล้านบาท และพัฒนาคุณภาพชีวิต 3,600 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเสนอ ก่อตั้งเมืองกีฬา หรือ สปอร์ตซิตี้ ที่ จ.บุรีรัมย์