แนะยึด “รัตนตรัย” ล้างมลทิน - ปปป.ขยายปม“เงินทอนวัด”ล็อต4

by ThaiQuote, 1 มิถุนายน 2561

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะมือกฎหมายของรัฐบาล กล่าวถึงคดีทุจริต"เงินทอนวัด"ที่ตกเป็นข่าวครึกโครม โดยมีการดำเนินคดีกับพระเถระ ชั้นผู้ใหญ่หลายรูป จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หน.คณะรักษาความสงบแห่งชาติหนักใจหรือไม่ โดย นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องถามนายกฯ ส่วนตนเอง ไม่ตกใจที่มีเรื่องใหญ่เกี่ยวกับพระ  และต่อข้อถามว่าเคยได้ยินเรื่องการซื้อขายตำแหน่งพระผู้ใหญ่บ้างหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า  " ได้ยินเยอะมากและหลายเรื่อง แต่ไม่รู้ว่าถูกไม่ถูก จริงไม่จริง ใช่ไม่ใช่ แต่จะเอา เรื่องที่ได้ยินมาเป็นสาระไม่ได้ เพราะที่ได้ยินบางครั้งใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ บางครั้งก็มากเกินไป" และเมื่อถามว่า จะดำเนินการกับพระผู้ใหญ่ระดับ สูงกว่าที่จับกุมได้ครั้งนี้อีกหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่รู้ ไม่ได้ยุ่งมา 6 เดือนแล้ว เป็นหน้าที่ของนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบและได้รายงานต่อพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล ขณะเดียวกันเมื่อถามย้ำว่าจากนี้ประชาชนที่เข้าวัดจะเคารพพระสงฆ์ได้อย่างสนิทใจหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนชอบบทสวดมนต์บทหนึ่งที่ว่า นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง วะรัง แปลได้ว่า ที่พึ่งอื่นใดข้าพเจ้าไม่มีอีกแล้ว พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า และ พระพุทธเจ้าสอนว่าอย่าไปยึดอย่างอื่น ให้ยึดพระรัตนตรัย ซึ่งพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าคือพระอรหันต์ แต่ขณะนี้มีแต่สมมติสงฆ์ ทุกวันนี้เราไหว้สิ่งสมมติทั้งพระพุทธรูป เป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า คัมภีร์ใบลาน เป็นตัวแทนพระธรรม และ บุคคลนุ่งห่มเหลือง ก็สมมติว่าเป็นพระสงฆ์ เพราะเราไม่เห็นของจริง แต่ไม่ต้องสนใจว่าอะไรของจริง ของปลอม เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วคืออะไร เวลาไหว้ ให้นึกว่าไหว้พระอริยสงฆ์ ส่วนสิ่งสมมติ ที่ปรากฏคือตัวแทน เวลาไหว้พระพุทธรูปให้นึกว่าไหว้พระพุทธเจ้า ไม่ได้ไหว้อิฐหินดินทรายที่เอามาปั้น คิดอย่างนี้แล้วจะทำให้สบายใจ ทางด้านพล ต.ต. กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป.( สำนักงานคณะกรรมกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ ) เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนดำเนินคดีทุจริตเงินทอนวัด "ล็อต 4" ว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบวัดทั่วประเทศที่ได้รับ งบประมาณจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มากกว่า 1 ล้านบาท ในช่วงปี 2555-2560 เบื้องต้นพบการกระทำความผิดบ้างแล้ว แต่ต้องรอให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเข้าร้องทุกข์ กับปปป. ให้ชัดเจนก่อน โดยขณะนี้ยังไม่ได้มีการร้องทุกข์ใดๆ แต่ที่ผ่านมา ได้ประสานข้อมูลกับสำนักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติมาโดยตลอด พล.ต.ต.กมล กล่าวว่าล็อตนี้ยังคงเน้นการดำเนินคดีกับกลุ่มข้าราชการ ที่ทุจริตเงินของรัฐเป็นหลัก ผู้ที่กระทำความผิด ส่วนใหญ่ยังคงเป็นข้าราชการของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ดำรงตำแหน่งในช่วงปี 2555-2560 ซึ่งถูกดำเนินคดีไปแล้วจากคดีทุจริตเงินทอนวัดก่อนหน้านี้ เพราะเป็น ผู้มีอำนาจในการเบิกจ่ายและโอนเงินในช่วงดังกล่าว ล็อตนี้อาจยังไม่ใช่ล็อตสุดท้ายที่จะถูกดำเนินคดี เพราะ  จะต้องตรวจสอบ ไปจนกว่าจะไม่พบวัดที่กระทำความผิด   ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. โอนสำนวนคดีเงินทอนวัด ล็อต 2 กลับมาให้ บก.ปปป.ดำเนินการนั้น พล.ต.ต.กมล ระบุว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ ป.ป.ช. มองเห็นศักยภาพการทำงานของเรา อีกทั้งยังเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรง ซึ่งหลังจากรับสำนวนกลับมาแล้ว ก็จะดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยการ ส่งสำนวนให้กับอัยการพิจารณาได้ทันที สำหรับคดีเงินทอนวัด มีการดำเนินการไปแล้ว 3 ล็อต มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 340 ล้านบาท และเป็นการตรวจสอบทุจริตงบใน 3 งบประมาณ คือ งบบูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด, งบอุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม โดยวัดสระเกศราชวรมหาวิหารที่ถูกดำเนินคดีในล็อตที่ 3 นี้ ถือเป็นการทุจริตงบสูงที่สุดกว่า 150 ล้านบาท
Tag :