ความคืบหน้าคดีทุจริตเงินทอนวัดล็อตที่ 3 ซึ่งตำรวจบุกตรวจค้น และจับกุมพระสงฆ์ ในวัดดัง 3 แห่ง เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ประกอบด้วย วัดสามพระยาวรวิหาร , วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร , และวัดสระเกศวรมหาวิหาร ล่าสุด เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เตรียมสรุปสำนวนคดีภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ โดยจะทยอยส่งฟ้องต่ออัยการเป็นรายวัด ซึ่งกรณีวัดสามพระยาฯ และ วัดสัมพันธวงศารามฯ ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว ยังเหลือแต่วัดสระเกศฯ ที่หลักฐานมีความซับซ้อน จำเป็นต้องใช้เวลาตรวจสอบ

ทั้งนี้ในส่วนคดีวัดสามพระยา ตำรวจพบหลักฐานเชื่อมโยงว่า อดีตพระพรหมดิลก อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา หรือ นายเอื้อน กลิ่นสาลี  ที่อยู่ระหว่างถูกคุมขัง มีโฉนดที่ดินไว้ครอบครองหลายแผ่น หนึ่งในนั้นเป็นโฉนดที่ดิน บริเวณศูนย์ปฏิบัติธรรมสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ หรือ วัดหลวงพี่แซม อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี พบว่า โฉนดดังกล่าว สีการายหนึ่งบริจาคที่ดิน ให้วัดสามพระยา เมื่อปี 2538 ขณะที่ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เป็นเจ้าอาวาสวัดสามพระยา ต่อมาเมื่อ พระพรหมดิลก ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส พบว่า มีการทำเรื่องโอนโฉนดมาครอบครอง โดยใช้ชื่อตัวเอง

ทางด้าน นายวิกรม กรมดิษฐ์  ประธานกรรมการบริหาร บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน ในฐานะนักคิดนักเขียนชื่อดัง ได้แสดงความเห็น ต่อ พฤติกรรมของ พระสงฆ์ ที่เกี่ยวข้อง การทุจริต เงินทอนวัด ผ่านการสัมภาษณ์รายการทีวีช่องหนึ่ง ระบุว่า การนำเงินบริจาค ด้วยแรงศรัทธาของ พุทธศาสนิกชน มาเปิดบัญชี โดยใช้ชื่อของตัวเองหรือคนรอบข้าง เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และทำลายศาสนา