นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า การจัดทำโครงการส่งเสริมหนึ่งจังหวัดหนึ่งสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) ใกล้จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่กรมฯ ได้ตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 2561 ทุกจังหวัดจะมีการขึ้นทะเบียนสินค้าจีไอ โดยล่าสุดจังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ยังไม่มีสินค้าจีไอ ได้มีการยื่นจดทะเบียนสินค้ากาแฟกระบี่เป็นสินค้าจีไอแล้ว ทำให้ตอนนี้ ทั้ง 77 จังหวัดของประเทศไทย มีการยื่นจดทะเบียนสินค้าจีไอที่จะใช้เป็นสินค้าเชิดหน้าชูตาของจังหวัดได้ครบถ้วน

“การผลักดันให้ทั้ง 77 จังหวัดมีสินค้าจีไอเป็นความสำเร็จในการส่งเสริมและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพราะสินค้าจีไอเป็นสินค้าที่ผลิตโดยชุมชน สร้างรายได้ให้ชุมชน ซึ่งจากนี้ไปกรมฯ จะเข้าไปช่วยเหลือในการจัดทำระบบมาตรฐานสินค้าจีไอเพื่อควบคุมคุณภาพสินค้าให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงแหล่งผลิต เพื่อยกระดับสินค้าให้มีมาตรฐาน และทำให้จำหน่ายได้ราคาสูงขึ้น”

ทั้งนี้ กรมฯ ยังมีแผนที่จะขยายช่องทางการตลาดให้กับสินค้าจีไอ โดยที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับห้างเซ็นทรัลในการเปิดบูธจำหน่ายสินค้าจีไอ ซึ่งจะผลักดันให้มีสินค้ารายการใหม่ๆ เข้าไปจำหน่ายเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับผู้ผลิต และยังจะนำไปเข้าร่วมงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศเพื่อขยายตลาดส่งออก

ขณะเดียวกันจะเดินหน้านำสินค้าจีไอของไทยไปจดทะเบียนในต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมให้สินค้าไทยได้รับการคุ้มครองในต่างประเทศ โดยล่าสุดได้ยื่นจดในจีนแล้ว ได้แก่ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ มะขามหวานเพชรบูรณ์ และส้มโอทับทิมสยามปากพนัง ส่วนที่กัมพูชา คือสินค้ากาแฟดอยตุง  และที่เวียดนาม มีสินค้ามะขามหวานเพชรบูรณ์และลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน

นายทศพลกล่าวอีกว่า สำหรับสินค้าจีไอของไทยที่ได้รับการจดทะเบียนแล้วมีทั้งสิ้น 99 สินค้า ใน 66 จังหวัด โดยมีสินค้าที่ได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพแล้ว 60 สินค้า และอยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอ 10 จังหวัด จำนวน 19 สินค้า และกำลังยื่นล่าสุด คือ กระบี่ จำนวน 1 สินค้า ซึ่งหากได้รับการอนุมัติทั้งหมดจะทำให้ประเทศไทยมีสินค้าจีไอรวมทั้งประเทศจำนวน 119 สินค้า

สำหรับสินค้า 99 รายการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจีไอแล้วนั้น แยกเป็น สินค้าข้าว 10 รายการ อาหาร 18 รายการ ผัก ผลไม้ 47 รายการ ผ้าไหม ผ้าฝ้าย 9 รายการ หัตถกรรม 13 รายการ และไวน์ สุรา 2 รายการ ได้แก่ ไวน์ที่ราบสูงภูเรือ และไวน์เขาใหญ่