นายพลตำรวจหนุ่มวัย 47 ปี คนนี้ ถูกจับตามองอย่างต่อเนื่อง และมีกระแสพูดกันกว้างขวางว่า เป็นน้องรักประทับจิตของพล.อ.ประวิตร  และถูกวิจารณ์ด้วยว่าเป็นมือจัดโผแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจรอบล่าสุด

นายวันวิชิต บุญโปร่ง  รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้เชี่ยวชาญวิชาการสายความมั่นคง วิเคราะห์การขึ้นเป็นผู้ช่วยครั้งนี้ของบิ๊กโจ๊กว่า มองประเด็นว่า พล.อ.ประวิตร ก็มีอายุมากขึ้น จึงต้องการจะวางคนที่มีความเหมาะสม ทำงานได้ตามความต้องการ ละเอียดรอบครอบ และทั้งนี้ เป็นสไตส์การทำงานอันเป็นเอกลักษณ์ของพล.ต.ต.สุรเชษฐ อยู่แล้ว

“ด้วยรูปแบบการทำงานของพล.ต.ต.สุรเชษฐ ก็เป็นที่ทราบกันดี ทำงานตรง แถลงข่าวชัดเจน ไม่ทำให้นักข่าวสามารถนำไปขยายความ หรือเข้าใจผิดในประเด็นที่ให้สัมภาษณ์ “

ขณะที่ถามถึงเส้นทางของพล.ต.ต.สุรเชษฐ จะไปถึงจุดไหนของอาชีพ อ.วันวิชิต วิเคราะห์ความเป็นไปได้ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะเดินไปจนถึงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในอนาคต เพราะถ้าดูจากเส้นทางการรับราชการของพล.ต.ต.สุรเชษฐ นั้น ก็อาศัยฝีมือตามแบบฉบับ และถือว่าเป็นคนที่มีภาพลักษณ์กว้างขวาง  รวมทั้งการดำรงตำแหน่งถึงขนาดมีกองกำลังส่วนตัว ถ้าดูตามการวางตัวของคสช. มีสิทธิที่เป็นไปได้ ถ้าอิงตามยุทธศาสตร์ 20 ปี

และที่สำคัญอ.วันวิชิตยังมองต่อไปอีกว่า ตัวพล.ต.ต.สุรเชษฐ เองก็มีการวางตัวเองให้มีบทบาทตามความเหมาะสม สามารถที่จะไปอยู่ตรงไป ตำแหน่งไหนก็ได้ ทำให้สามารถเดินหน้าขยับตามสายอาชีพได้อย่างไม่ยากเย็น และยิ่งมีการใช้โซเชี่ยลมีเดีย ในการสื่อสารสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองอย่างเป็นรูปธรรม  แม้ว่าในอนาคต ถ้าไม่ได้อิงกับอำนาจ คสช. ก็ยังสามารถสร้างบทบาทคนสงขลา จบจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ สงขลา ซึ่งมีบุคคลระดับประเทศจบจากที่นี้ ก็ยังเป็นช่องทางสร้างภาพที่เห็น เรื่องราวที่เป็น เพื่อไปต่อได้อย่างไม่ยากเย็น

จึงทำให้ต้องจับตาอย่างวางไม่ได้จริงๆ!!