พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีประกาศว่าตนเองสนใจด้านการเมือง ว่า สนับสนุนนายกฯ เล่นการเมือง ส่วนจะสังกัดพรรคการเมืองใดนั้น ก็เป็นเรื่องของนายกฯเอง และผมก็ไม่มีความเป็นห่วงอะไรนายกฯ เพราะมั่นใจในตัวนายกฯ  ส่วนบทบาทของตัวเองนั้น ต้องดูว่านายกฯ มีอะไรจะใช้เราหรือไม่ ถ้าไม่มีก็กลับบ้าน ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายกฯ ในส่วนทหารและความมั่นคงนั้น ก็มีคนช่วยดูแลเยอะแยะ   สำหรับ ความกังวลว่า หากนายกฯลงเล่นการเมืองแล้ว ถ้าเจอแรงเสียดทานจะรับไหวหรื่อไม่นั้น คงไม่มีอะไรเพราะทำงานผ่านมา 4 ปี ก็โดนมาเยอะแล้ว คิดว่ามีความแข็งแกร่งพอ เพราะโดนมาเยอะและคงจะรับได้ หากดูผลสำรวจของโพล คิดว่าน่าจะดีเพราะเป็นการสำรวจผลงานของรัฐบาลที่ผ่านมา 4 ปี เมื่อนายกฯ ทำให้ประชาชนรัก และท่านอยากสานงานต่อ ก็ไม่เห็นมีอะไร ที่ท่านจะทำอีก 4 ปี เวลานี้ประเทศเจริญขึ้นและอะไรต่างๆก็จะดีขึ้น แล้วทุกอย่างจะมีแบบแผนมากขึ้นตามที่เราได้วางเอาไว้   ส่วนจะกลัวสิ่งที่ทำไว้จะเสียของหรือไม่นั้น เราพูดไม่ได้ เพราะคนที่ตั้งใจทำไว้ก็กลัวที่จะเสียของ และคนที่จะมาทำงานต่อก็ไม่รู้ว่าจะทำเสียหรือไม่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับประชาชนว่า จะให้การต้อนรับหรือไม่ เพราะประชาชนถือว่าสำคัญที่สุด และเป็นศูนย์กลางของทุกเรื่อง   ทั้งนี้ หากนายกฯชวนลงเล่นการเมืองจะขอดูก่อน หากให้ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองตนไม่อยากเป็น เพราะไม่อยากเล่นการเมือง แต่มาทำการเมืองให้ได้   สำหรับกรณีที่เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ทางทางนายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 ตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม เป็นนายกเมืองพัทยา จ.ชลบุรี จะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อการเลือกตั้งหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีอะไร เพราะนายสนธยา อยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีมานาน นายกฯ เลยอยากให้มาปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าว เพราะตอนนี้ดูแล้วยังไม่ค่อยดี นายกฯได้พิจารณาแล้วว่า นายสนธยา มีความเหมาะสมที่จะทำในตรงนี้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ รวมทั้งมีความรู้ในการพัฒนาเศรษฐกิจด้านตะวันออก(อีอีซี)เป็นอย่างดี ส่วนจะเป็นการสะท้อนในเรื่องของพรรคพลังชลในอนาคตหรือไม่นั้น ก็ชัดอยู่แล้วว่าพรรคพลังชลมาทำงานกับทางรัฐบาลอยู่แล้ว   ส่วนสัปดาห์ที่ผ่านมาทุกกระแสโจมตีประเด็นเกาะโต๊ะขอตำแหน่งนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “เขาพูดไปเอง”