นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ ผอ.สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก  กล่าวถึงกรณีประชาชนบางส่วนสกัดน้ำมันกัญชา จากกรณีที่ อย.เตรียมประกาศปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดว่า  เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ว่ากัญชายังอยู่เป็นยาเสพติดประเภท 5 หากมีไว้ในครอบครองถือว่าผิดกฎหมาย และการที่ประชาชนบางส่วนที่มีความต้องการใช้สารสกัด หรือน้ำมันกัญชา ดำเนินการสกัดเองต้องระวัง เพราะอาจได้รับอันตราย โดยการสกัดน้ำมันกัญชา มีด้วยกัน 28 กรรมวิธี  ตามหลักแพทย์แผนไทย ทั้ง สกัดแบบน้ำ โดยการต้ม การบีบคั้น หรือ การใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์ กรณีการดอง เหมือนกับยาดองเหล้า และหากใช้กระบวนการทางเภสัชวิทยาก็มีอีกหลายวิธีที่สมัย และได้สารสำคัญต้องตามความต้องการ ผอ.สถาบันการแพทย์แผนไทย ระบุว่า ทุกวันนี้ มีการใช้กัญชาในระดับใต้ดิน บางคนเปิดยูทูปหรือ ค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต แต่ต้องเข้าใจว่าการจะได้ประโยชน์จากกัญชามีหลายปัจจัย ทั้งคุณภาพของสายพันธุ์กัญชา ความปลอดภัยจากสารพิษ ทั้งยาฆ่าแมลง และสารโลหะหนักที่อาจปะปน  ต้องควบคุมตั้งแต่ระดับการปลูก  ขณะที่การสกัดในกรณีใช้แอลกอฮอล์ในการสกัด หากใช้ส่วนผสมไม่ถูกต้องก็อาจทำให้ได้รับอันตราย โดยการใช้เมทานอลเป็นส่วนผสมในการสกัดกัญชาอาจได้รับผลข้างเคียงทำให้ตาบอด  ตับและไตวาย การใช้เตาแก๊สในการสกัด ก็อาจไวไฟ เสี่ยงได้รับอันตราย การใช้โรงเรือนแบบปิด ก็ได้รับอันตรายจากการสูดดูม ไอระเหยของกัญชา ที่ตลบอบอวน ทำให้เกิดอาการมึนเมาได้  เพราะกัญชามีฤทธิ์ทำให้เคลิ้ม นพ.ขวัญชัย กล่าวอีกว่า ควรกำหนดให้มีการสกัดน้ำมันกัญชาในหน่วยงานของรัฐ เช่น ในสถานที่ของทางราชการ ทหาร โรงเรียนแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข องค์การเภสัชกรรม และอาจร่วมถึงหมอพื้นบ้าน ที่เคยทำจนให้การยอมรับ มีการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐาน และนำมาขึ้นทะเบียน ไม่ควรจำกัดแค่คนบางกลุ่ม เพื่อให้ประชาชนได้รับสารสกัดและน้ำมันกัญชาที่มีคุณภาพปลอดภัย และราคาไม่แพง ข่าวที่เกี่ยวข้อง องค์การเภสัชฯ เผยน้ำมันกัญชาขวดแรก สกัดได้แล้ว  อย.จ่อใช้ ”สารสกัดกัญชา” เป็นยา ลงนาม 9 พ.ย.นี้