นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตพร้อมเก็บภาษีบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อให้การนำเข้ามาบริโภคถูกต้อง ซึ่งโดยหลักการแล้วภาษีตัวบุหรี่อัตราสูงสุดที่เก็บอยู่ในปัจจุบันมวนละ 1.20 บาท และตามมูลค่า 40% ส่วนตัวเครื่องสูบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 30% ทั้งนี้ ปัจจุบันภาษีบุหรี่ไฟฟ้าแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ 1.บุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้ยาสูบคล้ายบุหรี่ซิกาแรต เติมน้ำยาไม่ได้ สูบได้จำกัดครั้งแล้วต้องทิ้ง 2.บุหรี่ไฟฟ้าแบบเติมน้ำ มีตัวน้ำยาและเครื่องไฟฟ้าที่ใช้สูบ 3.บุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้ยาสูบคล้ายบุหรี่ซิกาแรต ใช้นวัตกรรมให้ความร้อน ซึ่งมีตัวมวนยาสูบ และเครื่องสูบบุหรี่ไฟฟ้า สำหรับการเก็บภาษีบุหรี่ไฟฟ้าประเภทที่ 1 และ 3 ทำได้ง่ายเพราะชัดเจน แต่ประเภทที่ 2 ซึ่งเป็นแบบน้ำ อาจต้องให้หน่วยงานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้ามาช่วยดูว่าส่วนประกอบน้ำผสมด้วยสารอะไรบ้าง เพื่อทำการเก็บภาษีให้ถูกต้อง นายพชร กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสินค้าที่ทั่วโลกบริโภคอย่างถูกกฎหมาย การเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากทำให้ผู้บริโภคในประเทศไม่ผิดกฎหมายแล้ว ยังทำให้นักท่องเที่ยวที่บริโภคบุหรี่ไฟฟ้าและนำติดตัวเข้ามาไทยไม่มีปัญหาผิดกฎหมายด้วย นอกจากนี้ กรมสรรพสามิตยังมีแผนปรับการเป็นกรมเก็บภาษีบาป เป็นกรมเก็บภาษีที่ส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี โดยที่ผ่านมาเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้าที่มีน้ำตาลต่อไปจะเก็บ ภาษีสินค้าที่มีไขมันและความเค็มมาก ซึ่งทำลายสุขภาพ   ข่าวที่เกี่ยวข้อง แนะรัฐควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า ดีกว่าแอบขาย