ร.อ.ดร.ธรรมนัส กล่าวว่า สถานการณ์การเลือกตั้งในพื้นที่ภาคเหนือ  จากประสบการณ์จากตัวผู้สมัคร และคณะกรรมการยุทธศาสตร์หลายท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการยุทธศาสตร์หลายท่านที่มากจากพรรคเพื่อไทย ดังนั้นเราจะรู้ว่ายุทธศาสตร์ในการหาเสียงเลือกตั้งของคู่ต่อสู้ในหลายๆพรรคเป็นอย่างไร ประกอบกับความสามารถของว่าที่ผู้สมัคร ซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองอยู่แล้วนั้น การที่เราทำการมาเป็นอย่างดีนั้น ตนจึงมีความั่นใจว่าเราสามารถจะชนะใจประชาชนได้ สำหรับ ยุทธศาสตร์การต่อสู่ในพื้นที่ฐานเสียงเก่าของพรรคเพื่อไทย นั้น ที่ผ่านมาเราไม่ได้เกาะกระแสพรรค เนื่องจากพรรคเราเพิ่งจัดตั้งได้เพียงแค่ 2 เดือน ตรงข้ามกับคู่ต่อสู้ของเราที่เกาะกระแสพรรคมาโดยตลอด และไม่ได้คลุกคลีกับวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างจริงๆจังๆ ต่างจากว่าที่ผู้สมัครของพรรค ซึ่งเป็นบุคคลที่เข้าหาง่าย อยู่กับพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งในเวลาไหน ยุทธศาสตร์ของเราคือการเข้าใจ เข้าถึง เดินเข้าหาพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง   ในส่วนของความคาดหวังถึงผลการเลือกตั้งครั้งนี้   จากนโยบายบายของพรรคชัดเจนว่า เราเป็นทางเลือกใหม่ให้พี่น้องคนไทยทั้งชาติ ตัดสินใจนการที่จะกำหนดอนาคตชะตาชีวิตของประเทศชาติที่ต้องอยู่ในหลุมดำมานานพอสมควร หลุมดำที่ผมกล่าวถึงคือ “ความขัดแย้งทางสังคม” ตั้งแต่ปี 2548 จนถึง 2557 สังคมไทยเกิดความแตกแยกอย่างน่ากลัว เป็นตราบาปที่อยู่ถึงลูกหลานเราในอนาคต ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐ คือ พลังของพี่น้องประชาชนให้คนไทยทั้งชาติ บวกกับรัฐบาลที่อยู่เคียงข้างประชาชน เดินก้าวข้ามความขัดแย้งไปด้วยกัน เพื่อสร้างความมั่นคงกับประเทศ นำความมั่งมี มั่งคั่ง มาสู่พี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืน มีความชัดเจนของการเป็นทางเลือกใหม่   สำหรับบยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ทางเรามีการเตรียมการเป็นอย่างดี ขณะที่ว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้งของพรรคนั้นก็เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ทั้ง 9 เขต รวมทั้งความหลากหลายทางอาชีพที่ขันอาสามารับใช้พี่น้องประชาชน ดังนั้นตนมีความมั่นใจว่า เราสามารถชนะในการเลือกตั้งในหลายๆเขต   ทั้งนี้ความมั่นใจในพื้นที่เลือกตั้งภาคเหนือ จากการประเมิน เราไม่ได้เข้าข้างตนเองว่าจะได้กี่ที่นั่งสำหรับการเลือกตั้งในภาคเหนือทั้ง 62 เขต แต่จากผลโพลล์ที่ออกมาของหลายๆสำนัก เบื้องต้นว่าที่ผู้สมัครในพื้นที่ 17  จังหวัดภาคเหนือ ผลโพลเราได้ประมาณ 38 ที่นั่ง และอยู่ในระหว่างต่อสู้กับในอีกหลายๆเขต นั่นจึงเป็นงานหนักของพรรคที่จะต้องทำการบ้าน ซึ่งต่อไปก็จะมีการคัดเกรดว่าที่ผู้สมัคร เพื่อการผลักดันสู่การเป็น สส. ที่จะมารับใช้พี่น้องประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ ส่วนผลกระทบจากกระแสข่าวเรื่องการระดมทุนของพรรคนั้น เรื่องดังกล่าวทางเลขาธิการพรรค คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และคุณณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค ได้ชี้แจงไปแล้วในเบื้องต้น ซึ่งทางพรรคมีเวลาที่จะชี้แจงเรื่องดังกล่าวในระยะเวลา 30 วัน ในเรื่องของผู้ที่มอบทุนสนับสนุนพรรค ในความจริงเรื่องดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ผู้สนับสนุนมีความเชื่อมั่น พรรคพลังประชารัฐ คือทางเลือกใหม่ของคนไทย   ดังนั้นวาทกรรมของการให้ความสำคัญกับราคาอาหาร จึงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ความสำคัญที่แท้จริงคือ ความเชื่อมั่นที่มีต่อพรรคของผู้สนับสนุน ดังนั้นผมมองว่ากระแสที่มีการโจมตีอยู่ในขณะนี้จึงไม่มีผลต่อการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งผู้บริหารพรรคแต่ละท่านล้วนมีประสบการณ์ทางการเมือง ดังนั้นการตัดสินใจจะทำอะไรในแต่ละครั้ง มีการไตร่ตรอง ร่วมหารือกันว่าจะไม่ทำอะไรที่ละเมิดหรือผิดกฎหมายตามที่ กกต.กำหนดเอาไว้ เราจึงมีความมั่นใจว่าเราสามารถชี้แจงได้ https://www.youtube.com/watch?v=PuKNXmMnang&feature=youtu.be