“ธอส.” จ่อขายสลากออมทรัพย์ “หน่วยละ 1 ล้าน”ดีเดย์ ก.ย.นี้

by ThaiQuote, 23 พฤษภาคม 2562

ธอส. จัดหนัก 5 โครงการใหม่ ครึ่งปีหลัง 62 จ่อ ออกสลากออมทรัพย์ "วิมานเมฆ" หน่วยละ 1 ล้านบาท วงเงินรวม 2.7หมื่นล. กันยายนนี้ ผุดสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ วงเงิน 1 พันล. ดันบ้านล้านหลังเฟส 2 จัดโครงการจำหน่ายNPLช่วยลูกค้า พร้อมวางระบบฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มือสองเพิ่มช่องทางซื้อขายอีกด้วย

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผย แนวทางในการดำเนินงานสำคัญในช่วงที่เหลือของปี 2562 ภายหลังจากพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 ได้รับการประกาศในราชกิจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2562 ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถขยายขอบเขตการทำธุรกิจได้มากขึ้น โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำกฎกระทรวงเพื่อให้ดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้ อาทิ

การจำหน่ายสลากออมทรัพย์ ธอส. ซึ่งธนาคารได้เตรียมการออกสลากจำนวน 3 ชุด โดยชุดแรกที่จะเริ่มจำหน่ายได้แก่สลาก Premium ชุดวิมานเมฆ หน่วยละ 1 ล้านบาท จำนวน 27,000 ล้านบาท ออกรางวัลทุกวันที่ 16 ของเดือน จำนวน 27 รางวัล/เดือน รางวัลละ 200,000 บาท อายุสลาก 3 ปี ทำให้ผู้ถือสลากมีโอกาสลุ้นรางวัลถึง 972 รางวัล ทำให้มีโอกาสในการถูกรางวัลสูงถึง 0.1% และเมื่อฝากครบ 3 ปี จะให้ผลตอบแทนหน้าสลากสูงถึง 1.4% ต่อปี เทียบเท่ากับเงินฝากประจำหากถูกรางวัลเพียง 1 ครั้ง ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 8.07% ต่อปี และยังสามารถถือสลากต่อเพื่อมอบเป็นมรดกได้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถออกรางวัลครั้งแรกได้ในเดือนกันยายนนี้

ส่วนสลากอีก 2 ชุด คือ ราคาหน่วยละ 10 ล้านบาท จำหน่ายจำนวน 30,000 ล้านบาท และราคาหน่วยละ 500 บาท จำหน่ายอีกจำนวน 50,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียด ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนหลังจากจำหน่ายสลากออมทรัพย์ชุดวิมานเมฆแล้ว

ขณะเดียวกันพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ฉบับล่าสุด ยังทำให้ธนาคารสามารถจัดทำสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ Reverse Mortgage ภายใต้กรอบวงเงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยของตนเองและปลอดภาระหนี้ สามารถนำมาจำนองกับธนาคารเพื่อรับเงินเป็นรายเดือน สำหรับการดำรงชีพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กำหนดพื้นที่นำร่องที่อยู่อาศัย(หลักประกัน)ต้องตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

โดยธนาคารกำหนดให้กู้สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปแต่ไม่เกิน 80 ปี และต้องไม่เป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ กู้ร่วมได้เฉพาะกับคู่สมรสตามกฎหมายหรือพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันที่มีกรรมสิทธิ์ในหลักประกันเดียวกัน วงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 50% ของราคาประเมินและสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยไม่พิจารณารายได้ของผู้กู้ อัตราดอกเบี้ย 6.25% ต่อปีตลอดอายุสัญญากู้ ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม 4 ฟรี
1.ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1% ของวงเงินกู้)
2.ค่าประเมินราคาหลักประกัน
3.ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (1,000 บาทต่อราย) และ
4.ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง)

ระยะเวลาขอรับเงินได้นานสูงสุด 25 ปี หรือจนถึงผู้กู้อายุ 85 ปี ธนาคารจะจ่ายเงินให้ผู้กู้เป็นรายเดือน อาทิ วงเงินกู้ 2 ล้านบาท หากผู้กู้อายุ 65 ปี ระยะเวลาการกู้ 20 ปี จะได้รับเงินจากธนาคารเดือนละ 8,300 บาท

หากครบระยะเวลาการกู้ตามสัญญาแล้วสามารถขอชำระหนี้ปิดบัญชี โดยธนาคารจะคำนวณจำนวนเงินเท่ากับวงเงินกู้ที่ธนาคารจ่ายให้แก่ผู้กู้ทั้งหมดรวมกับดอกเบี้ยค้างรับ หรือ หากไม่สามารถชำระหนี้ปิดบัญชีผู้กู้ยังมีสิทธิอยู่อาศัยต่อในหลักประกันเดิมได้ตลอดชีวิต หรือสามารถแจ้งความประสงค์ขอกู้เพิ่มได้ โดยขอรับวงเงินที่กู้เพิ่มได้นานสูงสุด 14 ปี และ

กรณีผู้กู้เสียชีวิตให้ถือว่าสัญญาสิ้นสุดล งธนาคารจะให้สิทธิแก่ผู้รับผลประโยชน์ตามที่ระบุไว้ในสัญญากู้ สามารถชำระหนี้ปิดบัญชีเพื่อไถ่ถอนจำนองเพื่อรับกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยดังกล่าว แต่หากผู้รับผลประโยชน์ไม่ประสงค์ชำระหนี้ปิดบัญชี ธนาคารจะนำหลักประกันขายทอดตลาดต่อไป โดยผู้รับผลประโยชน์ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนต่างหรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินการส่วนต่างๆ แม้ราคาขายทอดตลาดจะต่ำกว่ายอดชำระหนี้

ส่วนกรณีราคาขายทอดตลาดสูงกว่ายอดชำระหนี้ธนาคารจะคืนเงินส่วนต่างให้ผู้รับผลประโยชน์หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการส่วนต่าง ๆ แล้ว

ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินโครงการบ้านล้านหลัง ซึ่งธนาคารเปิดรับคำขอกู้ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 ล่าสุด ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2562 พบว่ามีลูกค้าประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาติดต่อยื่นคำขอกู้รวมแล้วกว่า 7,300 ราย วงเงินกู้ 5,200 ล้านบาท และมีผู้ที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้วกว่า 6,300 ราย วงเงินกู้ 4,300 ล้านบาท

ปัจจุบันธนาคารยังคงเร่งติดตามให้ผู้ที่มาจองสิทธิ์สินเชื่อเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2561 ทั้ง 127,000 ราย เข้ามาติดต่อขอรับคำปรึกษากับเจ้าหน้าที่หรือยื่นกู้กับธนาคารให้ครบทุกรายภายในเดือนกรกฎาคม 2562 เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์การเข้าถึงสินเชื่อของโครงการบ้านล้านหลังที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยเพียง 3% ต่อปี คงที่นานสูงสุด 5 ปี สำหรับผู้มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท และฟรีค่าธรรมเนียมถึง 4 ประเภท ก่อนที่จะเปิดจองสิทธิสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ภายในเดือนกันยายนนี้

"ปัจจุบันธนาคารอยู่ระหว่างการรวบรวมและแนะนำผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีแผนก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท มาเข้าร่วมโครงการให้ได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 หน่วยต่อปี และเตรียมจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยมุ่งเน้นส่งเสริมกลุ่มผู้ที่เลี้ยงดูบุพการี ผู้มีรายได้น้อย และคนวัยทำงานหรือกำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัวได้มีบ้านเป็นของตนเอง และอาจขยายระยะการผ่อนชำระให้นานสูงสุดถึง 50 ปี เพื่อลดภาระในการผ่อนรายเดือนให้กับผู้กู้ต่อไป" นายฉัตรชัยกล่าว

นอกจากนี้ ธนาคารยังมีแผนจัดทำโครงการ Virtual NPL เพื่อช่วยเหลือลูกค้าธนาคารที่ประสบปัญหาด้านรายได้จนทำให้ไม่สามารถผ่อนชำระเงินกู้ได้ตามปกติและกลายเป็น NPL ของธนาคาร โดยโครงการดังกล่าว ธอส. จะเปรียบเสมือนศูนย์กลางในการรวบรวมที่อยู่อาศัยที่เป็น NPL ของธนาคารเพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ามาดูข้อมูลและเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในราคาที่ธนาคารกำหนด โดยได้รับความยินยอมจากผู้กู้เดิมของธนาคารแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อสามารถจำหน่าย NPLได้แล้ว เงินที่ธนาคารได้รับจากผู้ซื้อจะถูกนำไปหักหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยคงค้างทั้งหมดให้แก่ผู้กู้เดิมของธนาคาร จึงทำให้ผู้กู้เดิมสามารถปลดภาระหนี้รวมถึงเป็นหนึ่งในมาตรการใหม่จากปัจจุบันที่มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็น NPL อยู่แล้ว 13 มาตรการ ซึ่งจะช่วยลด NPL ของธนาคารลงให้อยู่ในระดับเป้าหมายที่ไม่เกิน 4% ของสินเชื่อคงค้างในสิ้นปี 2562

นอกจากนี้ ภายในเดือนกันยายน 2562 ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ยังมีกำหนดเปิดตัวโครงการ “ระบบฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มือสอง” ซึ่งถือเป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณดำเนินโครงการเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2561 ในการพัฒนาระบบฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มือสอง โดยใช้เงินกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จำนวน 31.1 ล้านบาท เพื่อสร้างระบบฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มือสองที่แสดงอุปสงค์และอุปทานของตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสอง สร้างตลาดเสมือนจริง (Digital Virtual Market) สำหรับอสังหาริมทรัพย์มือสอง เพื่อสร้างช่องทางกลางในการซื้อขายและสร้างให้มีสภาพคล่องในตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสอง อีกด้วย