กรมประมงสั่งคุมเข้มการนำเข้าสัตว์น้ำ ป้องกันแหล่งฟอกปลา IUU ของโลก

by ThaiQuote, 7 กรกฎาคม 2562

ไทยคุมเข้มทุกด่านนำเข้าสัตว์น้ำ จนหลุดพ้นแหล่งฟอกปลา IUU โลก อธิบดีกรมประมงมั่นใจมาตรการดังกล่าวจะส่งให้ประมงไทยร่วมมือกับประมงโลกในการสร้างความยั่งยืนให้กับสัตว์น้ำ

เมื่อวันที่ 6 ก.ค.นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมงกล่าวว่าจากปริมาณการนำเข้าสัตว์น้ำของประเทศไทยที่เพิ่มสูงขึ้นในรอบ5เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณความต้องการวัตถุดิบเพื่อนำไปผลิตส่งออกและความต้องการในการบริโภคในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น และยังมีการลักลอบนำเข้าสัตว์น้ำโดยไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดกระแสการร้องเรียนจากสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย สมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาไทยถึงความเดือนร้อนของผู้ประกอบการไทยที่มีต้นทุนในการผลิตที่สูงกว่าวัตถุดิบที่นำเข้า มีการร้องเรียนของผู้บริโภคถึงความปลอดภัยของสัตว์น้ำที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศว่ามีความปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรการที่กำหนดหรือไม่

ทั้งนี้ภายใต้นโยบายIUU Free THAILANDและFood Safetyของประเทศไทยที่ได้มีการประกาศและแสดงเจตนารมย์ไว้เพื่อให้การประมงไทยทั้งจากการจับจากธรรมชาติและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมุ่งสู่ความยั่งยืนซึ่งเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลกแล้วหลักสำคัญอีกประการหนึ่งคือการสร้างความเป็นธรรมและโปร่งใสทางธุรกิจซึ่งจะคุ้มครองผู้ประกอบการในการแข่งขันทางธุรกิจและผู้บริโภคที่มีสินค้าที่บริโภคได้อย่างปลอดภัยในราคาที่เป็นธรรม

ช่วงที่ผ่านมาได้เพิ่มประสิทธิภาพระบบการนำเข้าสัตว์น้ำของไทย โดยเริ่มจากสัตว์น้ำที่มีการนำเข้ามาในประเทศไทยทางเรือ โดยใช้“เรือขนถ่ายสัตว์น้ำ”เนื่องจากสามารถบรรทุกได้ในปริมาณมากและมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการขนส่งประเภทอื่นทำให้มีการขนถ่ายในช่องทางนี้เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง“ทูน่า”ซึ่งประเทศไทยเป็น“ตลาดนำเข้าทูน่า”ที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายใต้มาตรการPSMAกรมประมงได้มีการตรวจสอบสัตว์น้ำที่มากับเรือขนถ่ายทุกลำว่ามีการขนสัตว์น้ำจากเรือจับลำใดมีการทำประมงในช่วงไหนแหล่งใดทำการประมงผิดกฎหมายหรือไม่ โดยมีการประสานงานกับรัฐเจ้าของธงรัฐชายฝั่งหรือRFMOอย่างใกล้ชิดเพื่อขอ“หลักฐาน”ที่จะสามารถยืนยันความถูกต้องของสัตว์น้ำเหล่านั้นอาทิเช่นข้อกฎหมายพิกัดสัญญานVMS/AISใบอนุญาตการจับสัตว์น้ำตลอดจนกรมประมงยังได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่จำเป็นกับองค์กรต่างๆที่เฝ้าจับตามการประมงIUUในน่านน้ำต่างๆเช่นFFAที่ดำเนินการอยู่ในมหาสมุทรแปซิกฟิกหรือFish-I- Afaricaที่ดูแลในพื้นที่บริเวณชายฝั่งแอฟริกาเพื่อให้มั่นใจได้ว่าสัตว์น้ำที่เข้าสู่ประเทศไทยเป็นสัตว์น้ำที่ปลอดจากการทำประมงIUU

“ผลการดำเนินงานประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการจับเรือประมงต่างชาติที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นเรือIUUถึง 5 ลำและมีการปฏิเสธการนำเข้าสินค้าประมงที่ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนพอที่จะให้เชื่อมั่นได้ว่าไม่ได้มาจากการทำประมงIUUไปแล้วประมาณ400 ตันสิ่งเหล่านี้ทำให้ได้รับการยอมรับว่าประเทศไทยมีการปฎิบัติตามพันธกรณีภายใต้PSMAที่ได้มีการลงนามให้สัตยาบันไว้และทำให้ประเทศไทยหลุดจากข้อกล่าวหาว่าเป็น“แหล่งฟอกปลาIUUของโลก”ซึ่งส่งผลเสียหายต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง”นายอดิศร กล่าว

นอกจากนี้จากความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการที่ช่วยควบคุมเรือประมง หรือเรือขนถ่ายสัตว์น้ำ ทั้งประเทศมาเลเชีย เวียดนาม พม่า ที่จะเข้ามาเทียบท่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีทางการควบคุมการทำประมงและส่งผลต่อการเจรจาความร่วมมืออื่นๆ ต่อไปในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามหากยังคงมีการลักลอบและเรายังคงไม่สามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเทศไทยจะถูกเพื่อนบ้านประนามได้ว่า “สนับสนุนการประมง IUU” สิ่งเหล่านี้คงเป็นประเด็นที่ต้องฝากให้ทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องช่วยกันเฝ้าระวัง

จากมาตรการ PSMA ที่มีผลบังคับใช้ทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. 2560 ทำให้กลไกในการต่อต้าน IUU มีประสิทธิภาพมากขึ้น กระแสการนำสัตว์น้ำ IUU ไปในช่องทางอื่นเริ่มมีขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีการนำสัตว์น้ำ IUU ไปขึ้นท่าเทียบเรือในประเทศที่มาตรการ PSMA ยังไม่มีประสิทธิภาพ และนำสัตว์น้ำขนถ่ายขึ้นตู้คอนเทนเนอร์และส่งออกทางเรือบรรทุกสินค้า ทำให้ประเทศต่างๆ เริ่มจับตามองสินค้าประมงที่บรรจุในตู้คอนเทนเนอร์มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์น้ำที่มาจากประเทศที่ไม่ได้รับความเชื่อถือ ส่งผลให้ประเทศที่นำเข้าสินค้าจากประเทศเหล่านี้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ ประเทศไทยก็ถูกเพ่งเล็งเช่นเดียวกัน

จากประวัติการทำการประมงในช่วงที่ผ่านมา จากสภาพการณ์ดังกล่าวกรมประมงได้นำหลักการของ PSMA เข้ามาใช้ในการตรวจสอบสินค้าที่มาในลักษณะตู้คอนเทนเนอร์ด้วย โดยได้มีการตรวจสอบไปยังรัฐเจ้าของท่าที่มีการนำสัตว์น้ำขึ้นท่า รัฐชายฝั่ง และรัฐเจ้าของธงเรือจับ เพื่อขอหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าสัตว์น้ำนั้นไม่ได้มาจากการทำประมง IUU เช่นดียวกับมาตรการ PSMA และการแจ้งพิกัดการนำเข้าทางพิธีศุลกากร เป็นสิ่งหนึ่งที่กรมประมงให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นสิ่งที่จะก่อให้การแข่งขันที่เป็นธรรมในประเทศ ผลจากดำเนินการในช่วงที่ผ่านมากรมประมงได้มีการปฏิเสธการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำไปทั้งสิ้น 58 ตู้ น้ำหนักประมาณ 1,160 ตัน และมีดำเนินคดีและการริบสัตว์น้ำที่นำเข้าไปทั้งสิ้น 3 ตู้ จำนวน 60 ตัน

นอกจากนี้แล้วสัตว์น้ำที่มาจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำยังถูกควบคุมเป็นพิเศษ ภายใต้มาตรการควบคุมการระบาดของโรคสัตว์น้ำ กรมประมงให้ความเข้มงวดกับการควบคุมสัตว์น้ำที่นำเข้าภายใต้ พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ เพื่อให้มั่นใจว่าสัตว์น้ำที่นำเข้ามาไม่ได้เป็นพาหะของโรคที่จะส่งผลต่อการเพาะเลี้ยงของประเทศไทย ซึ่งช่วงที่ผ่านมากรมประมงมีการตรวจพบโรคทำให้มีการยึดและทำลายสัตว์น้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาสวยงามที่มีราคาแพง เช่น ปลาคราฟ ซึ่งในปี พ.ศ. 2562 มีการจับทำลาย 12,000 ตัว คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5 แสนบาท และมีการสั่งให้ผู้นำเข้าทำลายโดยใช้ความร้อน จำนวน 9 ตู้ น้ำหนักประมาณ 180 ตัน

เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค กรมประมงได้จัดทำระบบการติดตามเฝ้าระวัง โดยสุ่มตรวจสินค้าสัตว์น้ำที่นำเข้าทุกชนิดว่าจะสารตกค้างที่มีปริมาณเกินกว่ามาตรฐานที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนดหรือไม่ ซึ่งมีการตรวจสอบสารตกค้าง 5 ชนิด ดังนี้ คอลแรมแฟนิคอล กลุ่มไนโตรฟูแรน มาลาไคท์กรีน และลูโคมาลาไคท์กรีน ตะกั่ว และปรอท

โดยหากพบว่ามีแนวโน้มที่จะเกินเกณฑ์ที่กำหนดจะเริ่มใช้มาตรการควบคุมอย่างเคร่งครัดตามความจำเป็น เช่น ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า“ปลาช่อนมีชีวิต”ที่นำเข้าพบว่ามีสารตกค้างกลุ่มไนโตรฟูแรนมาลาไคท์กรีนและลูโคมาลาไคท์กรีนเกินเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนดกองควบคุมการค้าสัตว์น้ำและปัจจัยการผลิตกรมประมงได้ชะลอการนำเข้าเป็นการชั่วคราวและแจ้งให้ผู้ประกอบการนำเข้าต้องมีแสดงหนังสือรับรองสุขอนามัยหรือรายงานผลการทดสอบประกอบการนำเข้าแต่อย่างไรก็ตามถึงมีเอกสารดังกล่าวกรมประมงยังคงมีการสุ่มตรวจและถ้าพบว่ามีปริมาณสารตกค้างเกินเกณฑ์ที่กำหนดเอกสารรับรองดังกล่าวจะหมดความน่าเชื่อถือลงไปและหากผู้ประกอบการจะนำเข้าต้องมีการอายัดสินค้าไว้จนกว่าจะมีผลการตรวจสอบว่าสินค้ารุ่นนั้นมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคจึงจะสามารถนำออกจำหน่ายได้แต่หากยังคงมีพบสารตกค้างอยู่กรมประมงจะแจ้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสั่งดำเนินการทำลายต่อไป

อธิบดีกรมประมง กล่าวว่าภายใต้มาตรการต่างๆ ที่กล่าวมาจะช่วยให้การประมงของไทยและของโลกมุ่งไปสู่ความยั่งยืนและเป็นธรรมกับทุกภาคส่วนที่ทำอย่างถูกต้อง เพราะเป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่าการทำประมง IUU เกินกว่าทรัพยากร ไร้การรายงานและควบคุมก่อให้เกิดการล่มสลายของการประมง ตลอดจนสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทั้งภายในและภายนอกประเทศถึงความปลอดภัยในการบริโภคที่ได้รับและการมีส่วนช่วยในการผลักดันให้การประมงของโลกมุ่งไปสู่ความยั่งยืนและเป็นสมบัติของลูกหลานในอนาคต