อาหารที่ควรกิน-ควรงด สำหรับผู้ป่วยจิตเภท

by ThaiQuote, 3 สิงหาคม 2562

เมนูอาหารสำหรับผู้ป่วยจิตเภท ควรเน้นอาหาร 5 กลุ่มที่มีคุณค่าสูง เช่นข้าวกล้อง ผักใบเขียว จำกัดเนื้อสัตว์ไม่ให้เกิน 60-80 กรัมต่อวัน ควรดื่มน้ำสมุนไพร แต่ให้งดผงชูรสและเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ

รพ.จิตเวชนครราชสีมาฯ จัดเมนูอาหารช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยโรคจิตเภท โดยเน้นอาหาร 5 กลุ่มที่มีคุณค่าสูง เช่นข้าวกล้อง ผักใบเขียว และจำกัดเนื้อสัตว์ไม่ให้เกิน 60-80 กรัมต่อวัน และจัดเครื่องดื่มสมุนไพร 3 ชนิด ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย เช่นน้ำตะไคร้ใบเตย น้ำใบบัวบก พร้อมแนะญาติให้ระมัดระวังอาหารการกินที่บ้าน เลี่ยงอาหารประเภทมีน้ำตาลต่ำ อาหารที่มีผงชูรสทุกชนิด และเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ เนื่องจากจะยับยั้งการดูดซึมยา ไม่เป็นผลดีต่อการรักษา

แพทย์หญิงกรองกาญจน์ แก้วชัง รองผู้อำนายการด้านการแพทย์และประธานทีมนำทางคลินิก โรงพยาบาล (รพ.) จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคจิตเภท (Schizophrenia) ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง ผู้ป่วยจะมีความผิดปกติทั้งการรับรู้ ความคิดและพฤติกรรม มีประสาทหลอน หูแว่ว หลงผิด มีพฤติกรรมถดถอย

ส่วนใหญ่มักจะมีอาการเรื้อรัง กระบวนการรักษาจะต้องดูแลและบูรณาการระหว่างทีมสหวิชาชีพต่างๆ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการฟื้นฟูอย่างครบถ้วนทั้งกาย ใจ สังคม สามารถกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านได้อย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งยังให้ความสำคัญด้านอาหารซึ่งมีส่วนช่วยให้การฟื้นฟูสภาพของผู้ป่วยดีขึ้น ช่วยเสริมคุณภาพการรักษาของแพทย์ไปในทิศทางเดียวกัน


ทางด้านนางจิรัฐิติกาล ดวงสา นักโภชนาการและหัวหน้ากลุ่มงานโภชนาการ รพ.จิตเวชนครราชสีมาฯกล่าวว่า ฝ่ายโภชนาการได้จัดอาหารให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและครบถ้วน 5 กลุ่ม เพื่อเสริมประสิทธิภาพการรักษาของแพทย์ ประกอบด้วย

1.กลุ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน จะใช้ข้าวกล้อง เมล็ดธัญพืช เช่นข้าวโพดเป็นต้น

2.กลุ่มผัก จะใช้ผักใบเขียวทุกชนิด

3.กลุ่มโปรตีนจะใช้เต้าหู้แข็ง ถั่ว ปลาเล็กปลาน้อย

4.กลุ่มไขมันจะเน้นอาหารที่มีไขมันโอเมก้า 3 สูง เช่น ปลาทะเล และมีโอเมก้า 6 สูง เช่นน้ำมันดอกทานตะวัน

5.กลุ่มผลไม้ จะใช้ประเภทกล้วยซึ่งจะช่วยให้หลับดีขึ้น

โดยจะควบคุมปริมาณอาหารที่ให้สารโดปามีน(Dopamine) ได้แก่ เนื้อสัตว์ นม ปลา ถั่วต่างๆ ให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะคือ 60-80 กรัมต่อวัน พร้อมทั้งจัดน้ำสมุนไพร 3 ชนิด เป็นเครื่องดื่มจะช่วยให้ผู้ป่วยจิตเภทรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ได้แก่

1.น้ำตะไคร้ใบเตย แก้อาการอ่อนเพลีย เพิ่มความสดชื่น อารมณ์ดีขึ้น บำรุงระบบประสาท เสริมสร้างความจำ

2.น้ำใบบัวบกลดความกระวนกระวาย ช่วยให้จิตใจสงบและผ่อนคลาย นอนหลับได้ง่ายขึ้น

3.น้ำมะตูม ช่วยบำรุงสมอง คลายกังวล สมาธิดีขึ้น

สำหรับอาหารและเครื่องดื่มที่ผู้ป่วยโรคจิตเภทที่อาการดีแล้วและอยู่ระหว่างการฟื้นฟูต่อที่บ้านไม่ควรรับประทานมี 5 ประเภท ซึ่งทางฝ่ายโภชนาการได้ขอความร่วมมือญาติให้ช่วยกันระมัดระวัง ได้แก่

1.อาหารกลูเตน (Gluten) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งพบในข้าวสาลี นมวัว อาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการแพ้ เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาท ทำให้ประสาทหลอน รวมทั้งเกิดภาวะสมองเสื่อมได้

2.ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล มักจะพบในเครื่องดื่มน้ำอัดลมประเภทปราศจากน้ำตาลหรือไดเอต ,โยเกิร์ตที่ปราศจากน้ำตาล, หมากฝรั่งโลว์ชูการ์ หากรับประทานเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะสะสมในร่างกายเนื่องจากเป็นกรดอะมิโนที่ไม่จำเป็นต่อร่างกาย เป็นสาเหตุของอาการวิตกกังวล ความเครียดและไมเกรน

3. อาหารที่ใช้ผงชูรส สารเคมีในผงชูรสจะเข้าไปจัดการสมองให้รู้สึกว่าอาหารมีความอร่อย ส่งผลให้สมองหลั่งสารโดปามีน (Dopamine) ออกมาเกินความจำเป็นและทำงานเพิ่มขึ้น ทำให้ยาที่ใช้รักษาไม่ได้ผลดี และหากทานอาหารที่ใส่ผงชูรสเป็นประจำจะเกิดการรบกวนการทำงานของสมองและระบบประสาท เป็นสาเหตุการเจ็บป่วยโรคพาร์กินสัน สมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ได้ โดยผงชูรสนี้จะพบมากในอาหารปรุงพร้อมจำหน่าย เช่นอาหารถุง ยังพบในอาหารสำเร็จรูปไม่ว่าจะเป็นขนมขบเคี้ยว, น้ำปรุงสลัด, บาร์บีคิวซอส, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและอาหารกระป๋องต่างๆ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดคือควรปรุงอาหารเองและไม่ใช้ผงชูรสใดๆ

4.น้ำตาลที่ผ่านการฟอกขาว เนื่องจากจะไปยับยั้งการผลิตอาหารของเซลล์สมอง (BDNF) ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญของโกรตฮอร์โมนในเซลล์สมอง ขัดขวางไม่ให้เซลล์สมองเชื่อมโยงกันได้ เกิดการอักเสบเรื้อรัง ส่งผลให้ซึมเศร้าได้ ควรใช้น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายสีรำ หรือน้ำตาลทรายที่ไม่ได้ผ่านการฟอกสี

5. เครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ น้ำอัดลมสีดำ ช็อกโกแลต เนื่องจากจะไปยับยั้งการดูดซึมของยาที่รักษา