"อุตตม”พร้อมขยายกองทุน TFFIF หวังเกิดการลงทุนในไทย

by ThaiQuote, 5 สิงหาคม 2562

“อุตตม” จ่อหารือ “คมนาคม” หาช่องขยายกองทุน TFFIF รอบ 2 เสาะหาโครงการที่มีพร้อมเหมาะสมจะใช้กองทุนสนับสนุน หวังเกิดการลงทุนในประเทศไทย พร้อมผุดแนวคิดภาษีรูปแบบใหม่ เช่น “ภาษีพลังงาน” ขยายฐานรายได้เข้ารัฐ

 

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงาน “บางกอกโพสต์ ฟอรัม 2019” หัวข้อ “ทิศทางประเทศไทยภายใต้รัฐบาลใหม่ Roadmap to Success : Up Close with Thailand’s New Ministers “ ว่า กระทรวงการคลังจะเร่งผลักดัน ประเทศไทยให้ก้าวทันโลก และจะใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงให้ได้เต็มที่ ซึ่งเป็นเรื่องของการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยเพื่อทำให้ศรษฐกิจไทยเป็นเศรษฐกิจสมัยใหม่และเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ

ทั้งนี้ จะดำเนินการโดยผ่านการลงทุนเพื่ออนาคต เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลเพื่อรองรับสิ่งใหม่ๆ

นอกจากนี้ จะต้องลงทุนในเทคโนโลยีอุตสาหกรรม และการลงทุนใน “คน” ซึ่งสำคัญมาก ตั้งแต่ตอนต้นของการศึกษาไปจนถึงการฝึกทักษะแรงงานเพื่อที่จะใช้เทคโนโลยีที่สามารถค้าขาย ผลิต และให้บริการในโลกดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งกายภาพและดิจิทัลจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากซึ่งรัฐบาลไม่สามารถลงทุนได้เพียงคนเดียว จึงต้องมีการคิดค้นแนวทางการลงทุนใหม่ๆ เช่น การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งรัฐจะต้องกำหนดให้มีคุณภาพและคุ้มค่า นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือใหม่ ๆ เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) โดยกระทรวงการคลังจะขยายกองทุน TFFIF เพื่อเป็นช่องทางให้เกิดการลงทุนในประเทศโดยคนไทย

“กำลังเตรียมอยู่นะครับว่า TFFIF จะขยายได้อย่างไรในรอบ 2 ต้องดูว่าจะมีโครงการใดที่มีความพร้อมและเหมาะสมที่จะใช้ TFFIF สนับสนุนในการที่จะลงทุนสำหรับโครงการเหล่านั้น ก็ต้องประสานกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม ว่าทางคมนาคมมีโครงการไหนไหมที่ TFFIF จะไปช่วยสนับสนุนได้ พูดง่ายๆ คือเราก็ต้องมีเป้าก่อน พอมีเป้าแล้ว พอชัดเจนเรา เราก็จะสามารถบอกได้ว่า TFFIF เปิดลงทุนรอบต่อไปสำหรับโครงการนั้น ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีกรอบชัดเจนว่าจะระดมทุนเพิ่มเมื่อไหร่ ต้องรอให้ชัดเจนในการหารือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องก่อนว่าโครงการนั้นๆ มีแผนการดำเนินการอย่างไร จะมีความก้าวหน้าอย่างไร เพราะฉะนั้นเวลาระดมทุนของ TFFIF ก็จะมีความชัดเจนขึ้นให้ผู้ระดมทุน ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าขนาดจะใหญ่กว่ารอบแรกหรือไม่ ส่วนเงื่อนไขก็ต้องให้มีการจูงใจ แต่จะเป็นอย่างไรจะต้องดูว่าโครงการนั้นคืออะไร” นายอุตตม กล่าว

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังจะต่อยอดขยายโครงสร้างการเงินแบบดิจิทัลของประเทศไทย ปัจจุบันเรามีระบบอีเพย์เมนต์และพร้อมเพย์ ซึ่งจะต้องขยายให้ไม่เพียงแต่ภาคอุตสาหกรรมและภาคการผลิต แต่ภาคเศรษฐกิจฐานรากของประเทศจะต้องได้ประโยชน์ด้วย

ขณะที่ประเด็นโครงสร้างทางภาษี ชี้ว่า หากถามว่า 3 เดือนต่อไปนี้จะทำเรื่องอะไร การเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างการจัดเก็บรายได้ของประเทศเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะทำ เนื่องจากการที่จะลงทุนเพื่ออนาคต อีกฟากหนึ่งของสมการว่าจะนำเงินมาจากไหน เรื่องของภาษีต้องเป็นเรื่องแรกแน่นอน โดยปัจจุบันได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจกระทรวงการคลัง (สศค.) กรมจัดเก็บ สรรพากร ศุลกากร และสรรพสามิต ร่วมกันศึกษาแนวทางที่จะสามารถปรับปรุงและยกระดับระบบการจัดเก็บภาษีของไทย ผ่านระบบภาษีที่สามารถสร้างความเท่าเทียมตามความเหมาะสม สำหรับภาคประชาชน ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และผู้ประกอบการเอกชน

นอกจากนี้ ในด้านของประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการจัดเก็บ จะเน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อให้การจัดเก็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการจัดเก็บภาษีรูปแบบใหม่ตามธุรกิจใหม่ๆ โดยล่าสุดภาษี e-Commerce อยู่ที่กฤษฎีกาแล้ว ทั้งนี้ ในส่วนของความกังวลต่อผลกระทบรายได้ของรัฐบาล จะต้องขยายฐานภาษีในรูปแบบใหม่ๆ เช่น ภาษีที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน เป็นต้น

“จะต้องดูให้รอบคอบทั้งหมด เราจะไม่ดูประเภทใดประเภทหนึ่ง แต่เราจะดูองค์รวมเลยว่าเราจะพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างภาษีว่าเราจะทำด้านไหนบ้าง” นายอุตตมกล่าว

ส่วนเรื่องความเป็นไปได้ในการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% นายอุตตม กล่าวว่า กำลังศึกษาอยู่ตามที่ได้มอบหมายหน่วยงานของกระทรวงการคลังไปแล้ว ดังนั้น วันนี้ยังไม่ได้พูดว่าจะปรับในแนวไหน กี่เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากต้องดูให้หมดและดูให้รอบคอบ ตอนนี้ยังไม่มีการรายงานมาว่าลด 10% แล้วจะกระทบกับรายได้รัฐบาลเท่าไหร่ กำลังดูอยู่ถึงความเป็นไปได้ที่จะลด ซึ่งความเป็นไปได้ก็มีเช่นกัน แต่จะเป็นอะไรอย่างไรต้องขอเวลาศึกษา ตอนนี้ได้ให้ทำการศึกษาทันทีและจะต้องดูว่าศึกษาเสร็จเมื่อไหร่ ซึ่งเป็นงานที่จะทำภายใน 3 เดือนแรก

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) นายอุตตม กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่ได้เตรียมการในเรื่องนี้ แต่จะนำเรื่องนี้หารือกับรัฐบาลอีกครั้ง