ไฟโหมหนักป่าแอมะซอน ควันพุ่งเห็นไกลถึงนอกโลก

by ThaiQuote, 22 สิงหาคม 2562

ไฟป่าโหมหนักป่าแอมะซอน สร้างสถิติน่าตกตะลึง เฉพาะปี 2562 ไฟป่ามา 72,000 ครั้ง ครั้งล่าสุดวิกฤติหนัก ไฟป่าโหม 16 วัน ยังไม่ดับ กลุ่มควันดำหนาจนมองเห็นได้จากอวกาศ และยังทำบราซิลมืดมิดเหมือนกลางคืน

สถาบันวิจัยอวกาศแห่ชาติของบราซิล (INPE) เผยตัวเลขที่น่าตกใจว่าตั้งแต่เดือน ม.ค.-ส.ค. เกิดไฟป่าในแถบป่าแอมะซอนแล้วกว่า 72,843 ครั้ง เพิ่มขึ้น 83% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติเมื่อ 6 ปีก่อน และหากนับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว เกิดไฟป่าถึง 9,500 ครั้ง ส่งผลกระทบทั้งในด้านระบบนิเวศและสังคมของมนุษย์

 

 

ขณะที่ภาพถ่ายทางดาวเทียมขององค์การนาซาเผยให้เห็นกลุ่มควันไฟกลุ่มใหญ่ปกคลุมรัฐโรไรมา ทางตอนเหนือสุดของประเทศ และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กระแสลมได้พัดพาควันไฟป่าจากรัฐอามาโซนาสและรอนโดเนียมาถึงเมืองเซาเปาลูซึ่งอยู่ห่างออกไปถึง 2,700 กิโลเมตร จนท้องฟ้าทั้งเมืองมืดมิดทั้งที่เป็นตอนกลางวัน

โดยควันไฟป่าปกคลุมท้องฟ้าเมืองเซาเปาลูอยู่ราว 1 ชั่วโมง ด้านผู้คนในเมืองพากันแชร์ภาพท้องฟ้าในเวลาดังกล่าวเต็มโลกโซเชียล ส่งผลให้แฮชแท็ก #PrayforAmazonia ติดอันดับยอดนิยมในโลกออนไลน์

เบื้องต้นทางการบราซิลยังไม่ทราบต้นเหตุของไฟป่าครั้งใหญ่นี้ ทว่า ประธานาธิบดี ชาอีร์ โบลโซนารู อ้างว่าเกิดจากการเผาป่าเพื่อทำไร่

ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของไฟป่าแอมะซอนเกิดขึ้นท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของประธานาธิบดีโบลโซนารู โดยนักวิทยาศาสตร์ชี้ว่าพื้นที่ป่าแอมะซอน หายไปอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโบลโซนารูรับตำแหน่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้นำรายนี้เน้นนโยบายการพัฒนามากกว่าการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทั้งยังหนุนให้เกษตรกรโค่นป่าเพื่อทำไร่ ทั้งที่ผู้นำคนก่อนๆ พยายามลดการตัดไม้ทำลายป่า โดยการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและการปรับผู้ฝ่าฝืน

 

 

อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วไฟป่าตามธรรมชาติมักจะเกิดขึ้นในฤดูที่สภาพอากาศแห้ง แต่ไฟป่าจำนวนไม่น้อยก็เกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์ เกษตรกรชาวบราซิลมักจะเผาป่าเพื่อเปิดพื้นที่ทำไร่ทั้งๆ ที่บราซิลมีกฎหมายห้ามเผาป่าในฤดูแล้ง รวมทั้งการเผาไล่ที่ชนเผ่าพื้นเมืองของนายทุนที่ลักลอบตัดไม้ ซึ่งเป็นการทำร้ายป่าแอมะซอนโดนตรง และสร้างผลกระทบอย่างมาก

ปัจจุบันนี้ป่าไม้ของบราซิลหายไปราว 15% และนักวิทยาศาสตร์ยังกังวลว่าหากป่าหายไป 25% ป่าฝนที่ใหญ่ที่สุดของโลกผืนนี้จะไม่มีป่าไม้สร้างวัฏจักรของน้ำ และในที่สุดป่าที่เคยหนาแน่นจะกลายเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาร้อนๆ และการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบไปทั่วโลก เนื่องจากป่าแอมะซอนเป็นแหล่งผลิตก๊าซออกซิเจนแหล่งใหญ่ ทั้งยังช่วยดูดซับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกหนึ่งในตัวการของภาวะโลกร้อนเป็นพันล้านตัน

สำหรับสถานการณ์ไฟป่าล่าสุดก็นับได้ว่าน่ากังวล และไฟก็ยังคงลุกลามกินพื้นที่หลายส่วน ติดต่อกันมาร่วม 16 วัน ทั้งนี้กระแสลมแรงได้พัดพากลุ่มควันจากไฟป่าลงใต้ หอบควันลงไปไกลถึงรัฐเซาเปาลู ซึ่งห่างจากป่าแอมะซอนร่วม 2,700 กิโลเมตร ควันอันหนาแน่นนี้ส่งผลให้เมืองเซาเปาลูตกอยู่ในความมืดสลัวเป็นชั่วโมง และขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้เลยว่าไฟป่าจะดับลงเมื่อใด